ร้านสะดวกซื้อไร้พนักงาน

ปลายปีที่ผ่านมา “เซเว่น-อีเลฟเว่นญี่ปุ่น” หรือ Seven-Eleven Japan เครือข่ายร้านสะดวกซื้อใหญ่สุดของญี่ปุ่น มีการขยับปรับเปลี่ยนกลยุทธ์และโมเดลธุรกิจ เพื่อรับมือกับพฤติกรรมผู้บริโภคที่เปลี่ยนไป หลังเกิดวิกฤติการแพร่ระบาดของโควิด-19 ตลอดช่วง 2-3 ปี ที่ผ่านมา..!! มีการทดลองเปิด “ร้านสะดวกซื้อ 7-Eleven ไร้พนักงาน” ในญี่ปุ่น ช่วงฤดูใบไม้ผลินี้ พร้อมขยายสาขาสู่คอนโดมิเนียมที่เป็นตึกสูงและโรงงานต่าง ๆ อันเป็นสถานที่ซึ่งในอดีตเปิดร้านสะดวกซื้อยากมาก และเริ่มการเจรจากับบริษัทต่าง ๆ ประมาณ 20 บริษัทที่สนใจตั้งร้านสะดวกซื้อภายในสถานที่ของตน ด้วยเกณฑ์มาตรฐานการเปิดร้าน นั่นคือบริษัทหรือโรงงานต้องมีพนักงานอย่างน้อย 500 คน และมียอดขายรายวันอย่างน้อย 100,000 เยน (ประมาณ 682 ดอลลาร์สหรัฐ) โดย Seven-Eleven Japan เริ่มเปิดร้านสะดวกซื้อไร้พนักงานในกรุงโตเกียวและพื้นที่อื่นๆ เริ่มจากเปิดร้านทดลองบางแห่งในกรุงโตเกียวและโอซาก้า ถือเป็นจุดเปลี่ยนภาคอุตสาหกรรมค้าปลีกของญี่ปุ่น ที่ปัจจุบันกำลังเผชิญปัญหาการขาดแคลนแรงงานอย่างรุนแรง เป้าหมายของ Seven-Eleven Japan คือจะมีร้านสะดวกซื้อไร้พนักงานหลายสิบแห่งในญี่ปุ่น.!? แต่ยังไม่ทันจะพิสูจน์ได้ว่า “ร้านสะดวกซื้อ 7-Eleven ไร้พนักงาน” ประสบความสำเร็จมากน้อยเพียงใด ล่าสุด Seven-Eleven Japan ที่เราคุ้นเคยเริ่มขยายโมเดลสู่ร้านขนาดใหญ่และมีไอเท็มต่าง ๆ ให้เลือกซื้อมากขึ้นกว่าเท่าตัว นัยว่า..เพื่อเจาะหาฐานลูกค้ากลุ่มใหม่ ทั้งชาวญี่ปุ่นและชาวต่างชาติ..! โดยสาขาขนาดใหญ่ของ 7-Eleven นั้น ถูกสร้างขึ้นในจังหวัดชิบะ ด้วยพื้นที่มากกว่าเดิมหนึ่งเท่าและมีสินค้ามากกว่า 2,000 รายการ ขณะที่บริษัทแม่อย่าง Seven & i ระบุว่า มาตรวัดความสำเร็จของโปรเจกต์นี้ ตัวสาขาดังกล่าวต้องมียอดขายเฉลี่ยมาก กว่า 700,000 เยนต่อวัน (ประมาณ 167,500 บาท) เลยทีเดียว Keisuke Yamaguchi ผู้บริหารระดับสูง Seven & i ยอมรับว่า ปัจจุบันร้าน 7-Eleven ถือว่ายังไม่ตอบโจทย์ผู้บริโภคกลุ่มผู้หญิง ครอบครัวและกลุ่มคนรุ่นใหม่ บริษัทจึงมองว่าการเลือกสินค้าเพื่อวางขายร้าน 7-Eleven คือ ตัวช่วยสำคัญ โดยร้าน 7-Eleven สาขาใหญ่นี้ จะมาพร้อมสินค้าสำหรับเด็ก ผ้าอ้อมสำเร็จรูป ผลไม้สด กลุ่มอาหารพร้อมปรุง เครื่องสำอางต่าง ๆ ที่กำลังอินเทรนด์และสินค้าอื่น ๆ ที่ไม่อาจพบได้มากนักตามร้าน 7-Eleven ทั่วไปของญี่ปุ่น ที่สำคัญภายในร้านมีมุมกาแฟ ขนมอบสดใหม่และเมนูพิซซ่าให้สั่งเพิ่มได้อีกด้วย..!! น่าสนใจว่าการปรับตัวของ 7-Eleven ไปสู่สาขาใหญ่ ที่มีสินค้ามากขึ้นกว่าเดิมนี้ เป็นส่วนหนึ่งของแผนการเจาะกลุ่มลูกค้าใหม่ เพื่อรองรับการเปลี่ยนแปลงของกลุ่มประชากรในญี่ปุ่น โดย Seven & i มีการร่วมมือกับ Ito-Yokada บริษัทในเครือ ที่มีความเชี่ยวชาญด้านสินค้าด้านไลฟ์สไตล์มาช่วย พร้อมกับความหวังว่าจะดึงดูดลูกค้าได้มากขึ้น ทั้งนี้ Seven-Eleven Japan จะใช้เวลาประมาณ 6 เดือนเพื่อประเมินว่าสินค้าชนิดใดตอบโจทย์ในร้านสาขาขนาดใหญ่นี้ และมีแผนเปิดอีกหนึ่งสาขาภายในปีหน้าเช่นกัน ถือว่า Seven-Eleven Japan กำลังดิ้นหนี “กับดักร้านสะดวกซื้อ” แบบดั้งเดิม..ตามสภาพตลาดและสังคมที่เปลี่ยนแปลงจากอดีตไปอย่างสิ้นเชิง..!!??