วทัญ จิตติ์สมนึก

นายวทัญ จิตติ์สมนึก ผู้อำนวยการฝ่ายวิเคราะห์กลยุทธ์ บล.พาย กล่าวว่า ตลาดหุ้นไทยวันนี้ดัชนีแกว่งตัวกรอบแคบ ปริมาณการซื้อขายเบาบาง ตลาดยังไร้ปัจจัยใหม่มีผลต่อดัชนี โดยนักลงทุนยังติดตามสงครามการค้าระหว่างสหรัฐและจีน ซึ่งปัจจุบันยังไม่มีความคืบหน้า ขณะที่ ปัจจัยในประเทศ ติดตามการเปิดเผยผลประกอบการของบริษัทจดทะเบียน ซึ่งจากที่มีการเปิดเผยอยู่ในโทนกลาง ๆ เป็นไปตามที่ตลาดคาด สำหรับหุ้น DELTA มีการเปิดเผยผลประกอบการดีกว่าตลาดคาด ทำให้ราคาหุ้นปรับตัวขึ้นเล็กน้อย สำหรับกองทุน Thai ESGX ที่จะเริ่มซื้อขายวันที่ 2 พ.ค. นี้ มองว่าจะเป็น Sentiment บวกให้กับตลาดได้ชั่วคราว แต่น่าจะขับเคลื่อนได้ไม่มาก เนื่องจากยังมีสิ่งที่น่ากังวลคือปัจจัยพื้นฐานที่ได้รับผลกระทบจากการค้าโลก กระทบเศรษฐกิจโลกและเศรษฐกิจไทย ทั้งนี้ แนวโน้มวันพรุ่งนี้คาดดัชนีซึมตัวลง รอติดตามตามการประชุมคณะกรรมการนโยบายการเงิน (กนง.) ซึ่งส่วนใหญ่คาดการณ์ว่าจะมีมติปรับลดอัตราดอกเบี้ย รวมทั้งติดตามการเปิดเผยตัวเลขเศรษฐกิจสหรัฐ อาทิ ตัวเลขภาคแรงงาน และประมาณการณ์ ผลิตภัณฑ์มวลรวมในประเทศ (GDP) ไตรมาส 1/68 โดยให้กรอบแนวรับ 1,150 และแนวต้าน 1,170 จุด ส่วนหลักทรัพย์ที่มีมูลค่าการซื้อขายสูงสุด 5 หลักทรัพย์ DELTA มูลค่าการซื้อขาย 3,180.89 ล้านบาท ปิดที่ 83.25 บาท เพิ่มขึ้น 1.25 บาท KBANK มูลค่าการซื้อขาย 1,678.82 ล้านบาท ปิดที่ 154.50 บาท เพิ่มขึ้น 0.50 บาท PTTEP มูลค่าการซื้อขาย 1,440.38 ล้านบาท ปิดที่ 100.50 บาท เพิ่มขึ้น 0.50 บาท BBL มูลค่าการซื้อขาย 1,255.69 ล้านบาท ปิดที่ 136.50 บาท เพิ่มขึ้น 1.00 บาท KTB มูลค่าการซื้อขาย 1,243.38 ล้านบาท ปิดที่ 21.00 บาท เพิ่มขึ้น 0.20 บาท