วันวิปโยค

ผู้สื่อข่าวรายงานว่า วันนี้ (3 ต.ค.66) เกิดเหตุการณ์มากมายขึ้น เริ่มด้วยตลาดหุ้นไทยวันนี้ปิดปรับตัวลดลงกว่า 22 จุด มาที่ระดับ 1,447.30 จุด หรือคิดเป็นการปรับตัวลดลง 1.51% ด้วยมูลค่าการซื้อขาย 6 หมื่นล้านบาท ซึ่งปรับตัวลงต่ำสุดในรอบ 3 ปี จากแรงเทขายหุ้นขนาดใหญ่ และหุ้นพลังงานที่ปรับตัวลดลงตามราคาน้ำมัน อีกทั้งเงินบาทที่อ่อนค่าก็เป็นเหตุให้นักลงทุนต่างชาติยังชะลอซื้อ รวมถึงไทยอาจถูกลดอันดับเครดิต หากรัฐบาลกู้เงินเพิ่ม สำหรับแนวโน้มพรุ่งนี้นักวิเคราะห์ยังคาดการณ์ว่าตลาดหุ้นไทยยังมีโอกาสปรับตัวลดลงต่อเนื่อง ความเคลื่อนไหวของตลาดทุนไทยในวันนี้ เรียกได้ว่าเขย่าขวัญสั่นประสาทให้กับนักลงทุนได้ไม่น้อย โดยเฉพาะตลาดหุ้นไทยหลังจากนี้ที่มีโอกาสลงไปเทสที่ระดับ 1,400 จุด แต่หลังจากที่ตลาดหุ้นปิดได้ไม่นาน ก็มีรายงานข่าวเหตุการณ์ยิงกันในห้างสรรพสินค้าชื่อดังใจกลางเมืองอย่าง “พารากอน” โดยมีผู้ก่อเหตุที่ยิงทำให้สังคมไทยช๊อกเข้าไปใหญ่ เพราะเป็นเพียงเยาวชนอายุ 14 ปี โดยเหตุการณ์นี้มีผู้เสียชีวิต 2 ราย และบาดเจ็บอีก 5 ราย โดยจากการตรวจสอบ พบว่าผู้ก่อเหตุเรียนอยู่ระดับมัธยมต้น โรงเรียนเอกชนชื่อดังแห่งหนึ่งย่านสยาม และจากการตรวจสอบข้อมูลทางโซเชียลพบว่า ผู้ก่อเหตุชื่นชอบเล่นเกมแนวแบตเทิลรอยัล และพบว่าก่อนก่อเหตุมีการส่งภาพแม็กกาซีนบรรจุกระสุนปืนไปในแชตของกลุ่มเพื่อน รวมทั้งได้บันทึกคลิปวิดีโอการซ้อมใช้อาวุธปืนไว้ด้วย แต่ที่ทำให้ทีมข่าวขนานนามว่าวันนี้เป็นวัน วิปโยค เพราะนอกจาก 2 เหตุการณ์แรกที่ทำเอาคนไทยอกสั่นขวัญแขวนแล้ว ในช่วงเวลาไล่เลี่ยกัน ยังมีรายงานอุบัติเหตุโครงเหล็กค้ำหลังคา “อินดอร์ สเตเดี้ยม หัวหมาก” ถล่ม หลังเกิดพายุฝนพัดถล่มในพื้นที่กรุงเทพมหานคร จนทำให้หลายจุดหลายพื้นที่เกิดน้ำท่วมขังรอการระบาย ซึ่งเหตุการณ์ดังกล่าวเกิดขึ้นก่อนเริ่มพิธีเปิดการแข่งขัน IWBF วีลแชร์บาสเกตบอล รุ่นอายุไม่เกิน 25 ปี ชิงแชมป์โลก ที่ประเทศไทยเป็นเจ้าภาพเพียงแค่ 15 นาที โดยเหตุการณ์นี้ไม่มีผู้ได้รับบาดเจ็บและเสียชีวิต เบื้องต้น ดร.ก้องศักด ยอดมณี ผู้ว่าการการกีฬาแห่งประเทศไทย ได้สั่งการให้เคลียร์พื้นที่ และเคลื่อนย้ายนักกีฬาที่เข้าร่วมการแข่งขัน 10 ชาติออกจากพื้นที่โดยเร็ว ทั้ง 3 เหตุการณ์นี้ แม้จะไม่ใช่เหตุการณ์ที่เกี่ยวข้องกันโดยตรง แต่ก็ต้องยอมรับว่า ทั้ง 3 เหตุการณ์ส่งผลต่อขวัญและกำลังใจของคนไทยได้ไม่น้อย โดยเฉพาะในวันที่เจอเรื่องหนักๆแบบ ก็คงต้องหวังว่า เมื่อห่าฝนที่โหมกระหน่ำคนไทยผ่านพ้นไป เราจะได้เห็น “ฟ้าหลังฝนที่สดใส” ได้มากกว่านี้