วันสดุก่อสร้าง

บริษัทหลักทรัพย์ บัวหลวง จำกัด (มหาชน) ระบุผ่านบทวิเคราะห์วันที่ 25 ธ.ค. 66 ว่า แนวโน้มเศรษฐกิจของประเทศไทยและตลาดหลักๆ ในอาเซียน (กัมพูชา, อินโดนีเซีย, ฟิลิปปินส์, และเวียดนาม) ที่ผู้ประกอบการวัสดุก่อสร้าง/บรรจุภัณฑ์ของไทย เช่น บริษัท ปูนซิเมนต์ไทย จำกัด (มหาชน) หรือ SCC, บริษัท ปูนซีเมนต์นครหลวง จำกัด (มหาชน) หรือ SCCC และ บริษัท เอสซีจี แพคเกจจิ้ง จำกัด (มหาชน) หรือ SCGP มีแนวโน้มปรับตัวดีขึ้นมากที่สุดในกลุ่มในปี 2567 โดยการเติบโตของ GDP ของประเทศดังกล่าวส่วนใหญ่จะเร่งตัวขึ้นในปีหน้า เนื่องจากรัฐบาลของประเทศดังกล่าวได้เปิดตัวหรือจะเปิดตัวมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจในเร็วๆ นี้เพื่อกระตุ้นเศรษฐกิจ จะส่งผลให้อุปสงค์โดยรวมกลุ่มวัสดุก่อสร้างและบรรจุภัณฑ์มีแนวโน้มเพิ่มขึ้นในปี 2567 ทั้งนี้ อุปสงค์ปูนซีเมนต์ในตลาดหลัก ได้แก่ เวียดนาม, อินโดนีเซีย, และกัมพูชา ที่ลดลงในช่วง 9 เดือนแรกของปี 2566 โดยมีการปรับตัวลดลงอย่างมากในกัมพูชาและเวียดนาม จะมีสัญญาณการฟื้นตัวของอุปสงค์โดยรวมในไตรมาส 4/2566 โดยประเทศไทยรายงานแนวโน้มอุปสงค์ปูนซีเมนต์ที่สดใสที่สุดใน 9 เดือนแรกของปี 2566 ได้รับแรงหนุนจากโครงการโครงสร้างพื้นฐานที่กำลังดำเนินอยู่ของรัฐบาล โดยหลังจากการศึกษาของฝ่ายวิเคราะห์ พบว่ามีความเชื่อมโยงของการเติบโตทางเศรษฐกิจและการเติบโตของอุปสงค์วัสดุก่อสร้าง (ปูนซีเมนต์และกระเบื้องเซรามิค) ในช่วงปี 2562-2565 โดยในเวียดนามมีความสัมพันธ์เชิงบวกที่แข็งแกร่งที่สุดระหว่างการเติบโตของ GDP ของประเทศและการเติบโตของอุปสงค์ปูนซีเมนต์ ตามมาด้วยอินโดนีเซียและกัมพูชา เนื่องจากเศรษฐกิจของประเทศดังกล่าวคาดการณ์ว่าจะขยายตัวในปี 2567 ซึ่งประเมินว่าอุปสงค์วัสดุก่อสร้างจะเพิ่มขึ้นจากช่วงเดียวกันของปีก่อนได้ในปี 2567 นอกจากนี้ ยังมีมุมมองเชิงบวกต่อต้นทุนพลังงานที่ลดลงในปี 2566 (ส่วนใหญ่เป็นถ่านหิน) จะช่วยลดแรงกดดันด้านต้นทุนสำหรับผู้ผลิตปูนซีเมนต์และบรรจุภัณฑ์ ซึ่งราคาถ่านหินคาดการณ์ว่าจะลดลงต่อเนื่องในปี 2567 ซึ่งน่าจะเป็นอีกปัจจัยหนึ่งที่หนุนอัตรากำไรให้กับผู้ประกอบการปูนซีเมนต์และบรรจุภัณฑ์ในปีหน้า