วาริช มีเหมือน

นายวาริช มีเหมือน ผู้จัดการฝ่ายการเงิน บริษัท แอล.พี.เอ็น.ดีเวลลอปเมนท์ จำกัด (มหาชน) หรือ LPN เปิดเผยข้อมูลภาพรวมธุรกิจของบริษัทผ่านงาน Opportunity Day จัดโดยตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย (ตลท.) ในวันที่ 8 พฤศจิกายน 2566 ว่าแนวโน้มไตรมาส 4/2566 บริษัทจะมีการเปิดตัวอีก 2 โครงการ มูลค่า 2,800 ล้านบาท โดยแบ่งเป็นคอนโด PLACE 168 วุฒากาศ คาดจะเปิดช่วงกลางเดือนหรือต้นเดือนธันวาคม เริ่มรับรู้รายได้ไตรมาส 2/2567 หรือไตรมาส 3/2567 ส่วนทาวน์เฮาส์ เวนู 24 ประชาอุทิศ 94 เตรียมเปิดวันที่ 11 พฤศจิกายน 2566 สำหรับมูลค่ารวมโครงการภายในปีนี้อยู่ที่ 12,500 ล้านบาท โดยเปิดโครงการไปแล้วมูลค่า 8-9 พันล้านบาท ซึ่งบริษัทตั้งเป้ายอดขายปีนี้จะสามารถทำได้ตามเป้าที่ตั้งไว้ 1.3 หมื่นล้านบาท โดยที่ยอดขายในช่วง 9 เดือนที่ผ่านมาทำยอดขายไปได้แล้ว 8 พันล้านบาท ขณะที่ปัจจุบันบริษัทมีงานอยู่ในมือ (Backlog) อยู่ที่ 2,800 ล้านบาท ซึ่งเริ่มโอนได้ในช่วงปลายไตรมาส 3/66 ซึ่งมีราว 6 โครงการ มูลค่า 7 พันล้านบาท ได้แก่ คอนโดมิเนียม ลุมพินี คอนโดทาวน์ เอกชัย 48 และอีก 5 โครงการเป็นโครงการแนวราบ ที่จะทยอยโอนเข้ามามากขึ้นในไตรมาส 4/66 ทำให้บริษัทมั่นใจว่ายอดโอนจะเป็นไปตามเป้าหมายที่ตั้งไว้ 7 พันล้านบาท โดยบริษัทมีการทำแบรนดิ้ง และทำแอดโฆษณาใหม่ในเรื่องของความน่าอยู่ โดยผ่านช่องทางออนไลน์และออฟไลน์เป็นรูปแบบของวีดีโอ อีกส่วนหนึ่งมีการทำแคมเปญเป็น On Ground หรืองานอีเว้นท์จะมีการจัดงานเซ็นทรัลลาดพร้าวภายในช่วงปลายเดือนตุลาคม ไปจนถึงต้นเดือนพฤศจิกายนที่ผ่านมา ซึ่งได้รับผลตอบรับค่อนข้างดี ส่วนของปัจจัยที่เป็นภายใน มองว่าช่วงสิ้นปียังไม่มีปัจจัยมากระทบ โดยเฉพาะสงครามเกี่ยวกับยูเครนและรัสเซีย รวมถึงอิสราเอล อาจจะยังไม่มีผลกระทบกับราคาน้ำมันที่ปรับตัวขึ้น แต่ส่งผลให้การจับจ่ายใช้สอยของผู้ซื้อในการลงทุนระยะยาวต่างๆ รวมทั้งอัตราดอกเบี้ยที่ปรับตัวขึ้นต่อเนื่อง โดยยังคาดการณ์ไม่ได้ว่าถึงจุดสิ้นสุดหรือไม่ อาจจะทำให้กดดันลูกค้าที่เข้ามากู้ยืมในเรื่องของอัตราดอกเบี้ยหรือการผ่อนผันต่างๆ ทั้งนี้ แนวโน้มปี 2567 จะเปิดโครงการแนวราบ 2-3 โครงการ มูลค่ารวมทั้งหมด 8,000-10,000 ล้านบาท มองว่าใกล้เคียงกับปี 2566 ซึ่งเป็นโครงการแวลูทั้งหมด ส่วนคอนโดยังอยู่ในขั้นตอนพิจารณา รวมถึงมีการขยายไปต่างจังหวัด โดยจะเปิดทาวน์โฮมจังหวัดนครปฐม อนึ่ง บริษัทรายงานผลประกอบการไตรมาส 3/2566 มีกำไรสุทธิอยู่ที่ 103.92 ล้านบาท ลดลง 55.94% เมื่อเทียบกับงวดเดียวกันของปีก่อนมีกำไรสุทธิ 235.84 ล้านบาท และมีรายได้รวมอยู่ที่ 1,999.33 ล้านบาท ลดลง 52.43% เมื่อเทียบกับงวดเดียวกันของปีก่อนมีรายได้รวม 4,202.49 ล้านบาท ขณะที่ผลประกอบการงวด 9 เดือนแรกของปี 66 มีกำไรสุทธิอยู่ที่ 339.41 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 40.93% เมื่อเทียบกับงวดเดียวกันของปีก่อนมีกำไรสุทธิ 574.63 ล้านบาท สรุปข้อมูลสำคัญของบริษัทจดทะเบียนตามรอบบัญชี (Company Snapshot) 3M/66 6M/66