วิศัลย์ วนะสักดิ์สรีสกุล

ผู้สื่อข่าวรายงานว่า วันนี้ (21 มี.ค. 68) สำนักงานคณะกรรมการกำกับหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ (ก.ล.ต.) ได้แจ้งแบบรายงานการได้มาหรือจำหน่ายหลักทรัพย์ (แบบ 246-2) โดยนายวิศัลย์ วนะสักดิ์ศรีสกุล ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท วอริกซ์ สปอร์ต จำกัด (มหาชน) หรือ WARRIX อ้างถึงข่าวแจ้งตลาดหลักทรัพย์เลขที่ WR/SET/0004/2568 ภายหลังการดำเนินคดี จำเลยได้ขอระงับข้อพิพาททั้งหมด โดยคืนหุ้นที่ศาลอายัดไว้จำนวน 105,211,000 หุ้น และชำระเงินชดใช้ค่าเสียหายจากหุ้นที่สูญหายจำนวน 15 ล้านหุ้น เมื่อวันที่ 17 มีนาคม 2568 ซึ่งหุ้นที่ได้รับคืนจำนวน 105,211,000 หุ้น คิดเป็นสัดส่วน 17.8602% ของสิทธิออกเสียงทั้งหมดในกิจการ โดยหลังจากนายวิศัลย์ วนะสักดิ์สรีสกุล ได้หุ้นคืนส่งผลให้ถือหุ้นทั้งหมด จำนวน 270,887,470 หุ้น คิดเป็นสัดส่วน 45.9848% มีสิทธิออกเสียงทั้งหมดของกิจการ จากเดิมถือเพียง 165,676,470 หุ้น คิดเป็นสัดส่วน 28.1246% ขณะที่อ้างถึงข่าวแจ้งตลาดหลักทรัพย์ฯ เลขที่ WR/SET/0014/2567 ลงวันที่ 23 สิงหาคม 2567 ตามที่นายวิศัลย์ วนะศักดิ์ศรีสกุล ตรวจพบว่า จำนวนหุ้นที่นำไปเป็นหลักประกันเงินกู้โดยการฝากในฐานะหลักประกันกับคัสโตเดียนนั้น มีจำนวนหุ้นที่หายไปจำนวน 15,000,000 หุ้น โดยยังไม่ได้รับเงินกู้ยืมครบตามสัญญา และไม่มีการผิดนัดชำระเงินกู้แต่อย่างใด ซึ่งหุ้นที่นำไปเป็นหลักประกันจำนวน 120,211,000 หุ้น จะต้องฝากไว้ภายใต้ชื่อของนายวิศัลย์ วนะศักดิ์ศรีสกุล เท่านั้น โดยต่อมาภายหลังตรวจสอบพบว่ามีการเปลี่ยนแปลงชื่อบัญชีไปเป็นชื่อที่ไม่ตรงกับชื่อบัญชีที่ส่งมอบหลักประกัน ดังนั้นจึงได้ยื่นดำเนินคดีที่ศาลแพ่งกรุงเทพใต้ ในข้อหาหรือฐานความผิดบอกล้างโมฆียกรรม เรียกทรัพย์คืน และให้คัสโตเดียนส่งมอบหุ้นที่ฝากไว้เป็นหลักประกันคืนทั้งหมด โดยหุ้นที่คงเหลือและอยู่ในความครอบครองของคัสโตเดียนจำนวน 105,211,000 หุ้น นายวิศัลย์ วนะศักดิ์ศรีสกุล ได้ดำเนินการขอศาลมีคำสั่งคุ้มครองชั่วคราวในหุ้นจำนวนดังกล่าวไว้ ซึ่งต่อมาภายหลังฝ่ายจำเลยได้เจรจาขอระงับข้อพิพาททั้งหมด โดยจำเลยยินยอมชำระเงินชดใช้ค่าเสียหายที่เกิดจากหุ้นที่สูญหายไปจำนวน 15,000,000 หุ้น และส่งมอบหุ้นที่ศาลมีคำสั่งคุ้มครองชั่วคราวไว้จำนวน 105,211,000 หุ้นกลับคืนให้กับนายวิศัลย์ วนะศักดิ์ศรีสกุลเป็นที่เรียบร้อยแล้ว เมื่อวันที่ 17 มีนาคม 2568 ซึ่งหุ้นที่ส่งมอบคืนนั้นเป็นหุ้นที่ปลอดภาระทั้งจำนวน ทั้งนี้ส่งผลให้โครงสร้างการถือหุ้นรายใหญ่ของบริษัทมีการเปลี่ยนแปลงตามรายละเอียดดังต่อไปนี้