วิสเดน กรุ๊ป

นางสาววราลักษณ์ งามจิตรเจริญ กรรมการผู้จัดการ บริษัท ซิก้า อินโนเวชั่น จำกัด (มหาชน) หรือ ZIGA แจ้งผ่านตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทยว่า บริษัทมอบหมายประธานเจ้าหน้าที่บริหารรับทราบข้อร้องเรียนเรื่องคดี Token Utilities สืบเนื่องจากบริษัท วิสเดน กรุ๊ป จำกัด ที่มี นายพิศาล อึงชุมโชค เปลี่ยนชื่อครั้งที่ 1 นายพลภาวิชญ์ พิมพ์เดชพานิช เปลี่ยนชื่อครั้งที่ 2 เป็นนายศักดิ์ธนธัช พิมพ์เดชพานิช อดีตกรรมการบริษัท วิสเดน กรุ๊ป จำกัด ซึ่งเคยเป็นบริษัทย่อยของ ZIGA ได้ถูกพบคดีฟ้องร้องเรื่อง Token Utilities และพ้นจากการเป็นกรรมการ ดังที่กรรมการบริษัทตรวจพบเหตุการณ์ผิดปกติ โดยภายหลังจากบริษัทได้ตรวจพบความผิดปกติจึงได้มอบหมายให้ นายศุภกิจ งามจิตรเจริญ เป็นกรรมการแทน ดังนั้นเมื่อทางราชการมีคดีความอันพบผู้เสียหาย นายศุภกิจ งามจิตรเจริญ ซึ่งมีตำแหน่งประธานเจ้าหน้าที่บริหารของ ZIGA และเป็นตัวแทนในฐานะกรรมใหม่ของบริษัทย่อยจึงต้องไปรับข้อกล่าวหาดังเอกสารและ Time Line ในหนังสือรับรองบริษัทกับคดี ทั้งนี้เหตุการณ์ที่ยังอยู่ในขั้นตอนพิจารณาทางกฎหมายในคดี Token Utilities และกล่าวอ้างเสมือนเป็นธุรกรรมโดยตรงของผู้บริหาร หรือ บริษัท ซิก้า อินโนเวชั่น จำกัด (มหาชน) อาจนำไปสู่ความเข้าใจผิดของผู้ถือหุ้นบริษัท ปัจจุบันบริษัทมีผลประกอบการที่ดีทั้งยังไถ่ถอนหุ้นกู้ก่อนกำหนดเรียบร้อยแล้วมิได้มีปัญหาและดำเนินธุรกิจปกติ บริษัทมอบหมายให้นายศุภกิจ งามจิตรเจริญ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร รับทราบคดีฟ้องร้องที่เกี่ยวเนื่องกับ Token Utilities เพื่อรวบรวมหลักฐาน และความเสียหายเพื่อดำเนินการทางกฎหมายกับผู้ที่เกี่ยวข้องและมีนิติสัมพันธ์ตรงกับผู้เสียหายคือกรรมการและกรรมการผู้จัดการบริษัทคนก่อนหน้าต่อไป อย่างไรก็ดีบริษัทชี้ให้ตั้งข้อสังเกตอันแอบแฝงของผู้ส่งข่าว และก่อความเสียหายต่อบริษัทมหาชน ซึ่งไม่มีความเกี่ยวข้องกับธุรกิจประเภทนี้อีกต่อไป ดังที่เคยประกาศในตลาดหลักทรัพย์ก่อนหน้าแล้ว อนึ่งก่อนหน้านี้ ZIGA ได้ชี้แจงข้อมูลในงบการเงินประจำปี 2565 มายังตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทยในประเด็นความเสียหายจากการตั้งค่าเผื่อผลขาดทุน ด้านเครดิตของลูกหนี้การค้าและลูกหนี้อื่นในธุรกิจสินทรัพย์ดิจิทัลจำนวน 103 ล้านบาท ซึ่งบริษัทได้ฟ้องอดีตกรรมการ บริษัท วิสเดนกรุ๊ป จำกัด (วิสเดน) กับพวกในข้อหาร่วมกันยักยอกทรัพย์เนื่องจากไม่ส่งมอบเงินที่ได้จากการจำหน่ายโทเคนดิจิทัล "ZiiToken" โดยบริษัทชี้แจงว่าเนื่องจากบริษัทย่อยเพิ่งถูกจัดตั้งขึ้น จึงยังไม่ได้มีการนำระบบควบคุมภายในมาใช้อย่างเต็มรูปแบบ อย่างไรก็ตามหลังจากที่เกิดปัญหาและความผิดพลาด บริษัทอยู่ระหว่างการดำเนินการที่จะจัดให้มีระบบการควบคุมภายในที่ดีเพื่อป้องกันไม่ให้เกิดเหตุการณ์ดังกล่าวอีกในอนาคต