ศูนย์ธุรกิจดิจิทัลและการเงินระหว่างประเทศแห่งประเทศไทย

LIMIX IT Solutions (LIMIX) และศูนย์ธุรกิจดิจิทัลและการเงินระหว่างประเทศแห่งประเทศไทย (TIDC) ประกาศความร่วมมือเชิงกลยุทธ์เพื่อยกระดับความปลอดภัยของระบบนิเวศบล็อกเชนในประเทศไทย โดยมุ่งพัฒนาเทคโนโลยีปัญญาประดิษฐ์ (AI) เพื่อรับมือกับปัญหาการหลอกลวงกระเป๋าเงินคริปโตและการฉ้อโกงตัวตนดิจิทัล ซึ่งเป็นภัยคุกคามสำคัญต่อเศรษฐกิจดิจิทัลที่กำลังเติบโตอย่างรวดเร็ว ความร่วมมือครั้งนี้จะนำระบบตรวจสอบตัวตนดิจิทัล “LIMIX KYC Identity Engine” ซึ่งใช้เทคโนโลยีชีวมิติและบล็อกเชน ผสานกับระบบตรวจจับการฉ้อโกงแบบเรียลไทม์ที่ขับเคลื่อนด้วย AI มาใช้เป็นเครื่องมือปกป้องผู้ใช้งานจากการถูกโจมตีในโลกคริปโต โดยครอบคลุมทั้งก่อน ระหว่าง และหลังการทำธุรกรรม อีกทั้งยังสอดคล้องกับกฎหมาย PDPA ของไทย และมาตรฐานสากล เช่น FATF และ AML Andre Barros ผู้อำนวยการโครงการและกลยุทธ์ของ LIMIX ระบุว่า ความร่วมมือครั้งนี้ไม่เพียงตอบสนองต่อปัจจุบันที่เต็มไปด้วยความเสี่ยงจากภัยไซเบอร์ แต่ยังเป็นการเตรียมประเทศไทยให้พร้อมต่อการเปลี่ยนผ่านสู่เศรษฐกิจดิจิทัลอย่างยั่งยืน พร้อมชูจุดแข็งของ LIMIX ในด้านโครงสร้างพื้นฐานดิจิทัลและระบบรักษาความปลอดภัยข้อมูล ด้าน TIDC ในฐานะพันธมิตรหลัก มุ่งผลักดันการสร้างระบบนิเวศดิจิทัลที่ปลอดภัยและมีประสิทธิภาพ พร้อมเปิดพื้นที่ให้เทคโนโลยีเกิดใหม่ อาทิ บล็อกเชน ฟินเทค และ AI ได้รับการทดสอบและนำไปใช้จริงผ่านโครงการนำร่อง การสร้างพันธมิตรเชิงกลยุทธ์ และการสนับสนุนโครงสร้างพื้นฐาน Raymond Chu กรรมการผู้บริหารของ TIDC ย้ำถึงบทบาทของโครงการนี้ในฐานะกลไกสร้างความเชื่อมั่นต่อสินทรัพย์ดิจิทัลในประเทศไทย พร้อมยกระดับประเทศให้เป็นศูนย์กลางฟินเทคของภูมิภาค โดยระบุว่าความไว้วางใจจากสาธารณะคือรากฐานของนวัตกรรมที่ยั่งยืน การร่วมมือในครั้งนี้สอดคล้องกับแผนพัฒนาเศรษฐกิจดิจิทัลภายใต้นโยบาย Thailand 4.0 โดยโซลูชั่นดังกล่าวจะเริ่มทดสอบในปี 2568 ผ่านการร่วมมือกับแพลตฟอร์มคริปโตชั้นนำและผู้ให้บริการฟินเทค ก่อนขยายการใช้งานทั่วประเทศภายใน 5 ปีข้างหน้า อีกทั้งยังมีศักยภาพในการต่อยอดสู่บริการภาครัฐดิจิทัล เมืองอัจฉริยะ และการสร้างตัวตนดิจิทัลแบบไร้พรมแดน ซึ่งจะช่วยส่งเสริมให้ประเทศไทยเป็นผู้นำในด้านนวัตกรรมดิจิทัลระดับภูมิภาคอย่างแท้จริง