ศูนย์วิจัยกรุงศรี

ผู้สื่อข่าวรายงานว่า บริษัท สยามเวลเนสกรุ๊ป จำกัด (มหาชน) หรือ SPA จะได้รับอานิสงส์จากกรณีรัฐบาลได้ออกมาตรการ “ฟรีวีซ่านักท่องเที่ยวจีน” ระหว่างวันที่ 1 ต.ค. 2566-29 ก.พ. 2567 สอดคล้องกับวันชาติจีนที่หยุดยาวตั้งแต่วันที่ 2 ต.ค.-6 ต.ค. 2566 ซึ่งเป็นตัวหนุนให้นักท่องเที่ยวจีนเดินทางมาท่องเที่ยวไทยเพิ่มขึ้นและเป็นปัจจัยหนุนต่อผลประกอบการครึ่งหลังปี 2566 เนื่องจากอัตราให้บริการ (Utilization rate) ของพนักงานนวดกลับสู่ระดับ 80% ซึ่งใกล้เคียงกับระดับเดียวกับช่วงเวลาก่อนการแพร่ระบาดของโควิด-19 โดยเบื้องต้นจากปัจจัยบวกทางฝ่ายผู้บริหารเผยว่า มีแผนขยายสาขาเพิ่มเติมอีก 3-4 สาขาในครึ่งหลังปี 2566 เป็นปัจจัยหนุนเพิ่มเติมต่อผลประกอบการ ด้าน บริษัทหลักทรัพย์ โกลเบล็ก จำกัด คาดการณ์ว่าผลประกอบการครึ่งหลังปี 2566 อยู่ที่ 130 ล้านบาท เติบโต 19% เทียบกับครึ่งแรกปี 2566 สำหรับบริษัทรายงานกำไรครึ่งแรกปี 2566 อยู่ที่ 111 ล้านบาท พลิกจากขาดทุน 87 ล้านบาท เมื่อเทียบกับ ช่วงเวลาเดียวกันของปีก่อน และคิดเป็น 62% ของประมาณการเดิมที่ 180 ล้านบาท หลังจากกำไรไตรมาส 2/2566 อยู่ที่ 60 ล้านบาท ฟื้นตัวต่อเนื่องติดต่อกัน 3 ไตรมาสตามการฟื้นตัวของนักท่องเที่ยว ขณะเดียวกันทางฝ่ายนักวิเคราะห์ประเมินรายได้และกำไรสุทธิปี 2566 โดยรายได้จาก 1.37 พันล้านบาท เป็น 1.47 พันล้านบาท เพิ่มขึ้น 7% และกำไรสุทธิจาก 180 ล้านบาท เป็น 240 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 34% จากประมาณการเดิมตามลำดับ เนื่องด้วยจำนวนนักท่องเที่ยวปี 2566 จะอยู่ที่ 28-29 ล้านคน (ที่มาศูนย์วิจัยกรุงศรี) ซึ่งจำนวนนักท่องเที่ยวตั้งแต่ ม.ค.-22 ต.ค. 2566 อยู่ที่ 21.60 ล้านคนคิดเป็น 76% ของคาดการณ์จากศูนย์วิจัยกรุงศรีและคาดว่าจำนวนนักท่องเที่ยวจะเร่งตัวขึ้นในช่วง ก.ย.-ธ.ค. 2566 เนื่องจากภาครัฐออกมาตรการฟรีวีซ่านักท่องเที่ยวจีนเป็นปัจจัยหนุน ขณะที่ฝ่ายนักวิเคราะห์ปรับเพิ่มรายได้และกำไรปี 2567 โดยจากรายได้อยู่ที่ 1.50 พันล้านบาท เป็น 1.62 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 8% และกำไรสุทธิจาก 267 ล้านบาท เป็น 296 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 11% จากประมาณการเดิมตามลำดับ เนื่องจากคาดการณ์ว่านักท่องเที่ยวจะฟื้นตัวตามเศรษฐกิจโลก อีกทั้งภาครัฐออกมาตรการส่งเสริมนักท่องเที่ยวจากต่างประเทศเพิ่มเติม ดังนั้นจากข้อมูลข้างต้นที่เป็นบวกฝ่ายนักวิเคราะห์ได้ปรับเพิ่มคำแนะนำจาก “ซื้อเมื่ออ่อนตัว” สู่ “ซื้อ” พร้อมปรับใช้ราคาเหมาะสมปี 2567 ที่ 14.00 บาท ปรับตัวขึ้นจากราคาเหมาะสมปี 2566 ที่ 10.80 บาท