ศูนย์ไปรษณีย์

นายประเสริฐ จันทรรวงทอง รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคม (ดีอี) นำคณะพร้อมด้วยคณะผู้บริหารสำนักนายกรัฐมนตรีและเจ้าหน้าที่กระทรวงดีอี ลงพื้นที่ตรวจเยี่ยมชมการดำเนินงานศูนย์กระจายสินค้า ณ ศูนย์ไปรษณีย์หาดใหญ่ บริษัท ไปรษณีย์ไทย จำกัด และ สถานีเคเบิลใต้น้ำ AAE-1 (Asia-Africa-Europe 1) จังหวัดสงขลา บริษัท โทรคมนาคม แห่งชาติ จำกัด (มหาชน) ก่อนเข้าร่วมการประชุมคณะรัฐมนตรีอย่างเป็นทางการนอกสถานที่ ครั้งที่ 1/2568 ซึ่งจะมีขึ้นในวันที่ 18 กุมภาพันธ์ 2568 ที่อำเภอหาดใหญ่ จังหวัดสงขลา โดย นายประเสริฐ และคณะได้เข้าตรวจเยี่ยมชมการดำเนินงานศูนย์กระจายสินค้า ณ ศูนย์ไปรษณีย์หาดใหญ่ บริษัท ไปรษณีย์ไทย จำกัด โดยได้ตรวจสอบขั้นตอน วิธีการปฏิบัติงาน กระบวนการคัดแยก ส่งต่อสินค้าของศูนย์ไปรษณีย์หาดใหญ่ ที่รับ-ส่งมอบพัสดุจากที่ทำการไปรษณีย์ ในพื้นที่ 5 จังหวัดภาคใต้ตอนล่าง คือจังหวัดสงขลา สตูล ปัตตานี ยะลา และนราธิวาส โดยมีนางหัทยา อนันตะเศรษฐกูล ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร สายงานปฏิบัติการภูมิภาค บริษัท ไปรษณีย์ไทย จำกัด (ปณท) ให้การต้อนรับ พร้อมกันนี้ นายประเสริฐ ได้มอบนโยบายในการเพิ่มรายได้และการสนับสนุนให้มีการเลือกใช้ บริษัท ไปรษณีย์ไทย จำกัด เป็นทางเลือกในการจัดส่งสินค้าที่จำหน่ายผ่าน ‘แพลตฟอร์ม อีคอมเมิร์ซ’ เพื่อเพิ่มจำนวนลูกค้า ซึ่งจะเป็นการยกระดับโครงสร้างพื้นฐานการขนส่งโลจิสติกส์ในกลุ่มจังหวัดภาคใต้ตอนล่าง พร้อมมอบนโยบายการสนับสนุนโครงการ Soft Power ของรัฐบาล เพื่อช่วยเหลือพี่น้องประชาชนและเกษตรกรในการจัดส่งสินค้าพืชผลทางการเกษตรของภาคใต้ไปยังภูมิภาคอื่นๆ ทั่วประเทศต่อไป ขณะที่ต่อมาได้นำคณะตรวจเยี่ยมสถานีเคเบิลใต้น้ำ AAE-1 (Asia-Africa-Europe 1) จังหวัดสงขลา บริษัท โทรคมนาคม แห่งชาติ จำกัด (มหาชน) ในการรองรับการใช้งานอินเทอร์เน็ตระหว่างประเทศ เสริมศักยภาพบอร์ดแบรนด์ โดยเคเบิลใต้น้ำความจุสูง 20 Tb/s (40 WLs)/ไฟเบอร์ ส่งผ่านความเร็วแสง (1,080 ล้านกิโลเมตร/ชั่วโมง) เป็นการสื่อสารข้ามมหาสมุทรระยะไกลมากกว่า 25,000 กิโลเมตร ระบบแรกที่มีแนวเส้นทางเคเบิล จากฮ่องกงพาดผ่านภาคใต้ ซึ่งมีจุดขึ้นบกที่จังหวัดสงขลา และเชื่อมต่อผ่านสายเคเบิลใยแก้วนำแสงภาคพื้นดิน (Thailand Crossing) ไปยังจังหวัดสตูล เชื่อมโยงไปยุโรป โดยใช้เทคโนโลยีล่าสุด 700Gbps ต่อหนึ่งคลื่นนำแสง ซึ่ง AAE-1 เป็นระบบเคเบิลใต้น้ำที่เชื่อมต่อ เอเชีย ตะวันออกกลาง แอฟริกา และยุโรป ถือเป็นหนึ่งในเส้นทางหลักของการสื่อสารระหว่างประเทศที่ช่วยเพิ่มความเสถียรของอินเทอร์เน็ตในภูมิภาคและสนับสนุนการพัฒนาเศรษฐกิจดิจิทัลของไทยให้สามารถแข่งขันในเวทีโลก “NT ต้องยกระดับขีดความสามารถโครงสร้างพื้นฐานด้าน Digital โดยเฉพาะ Land crossing , เคเบิลใต้น้ำ รวมถึง Data Center เพื่อเป็นศูนย์กลางการแลกเปลี่ยนข้อมูลของภูมิภาค รองรับลูกค้า OTT ที่มีแผนการลงทุนในประเทศไทย รวมถึงยกระดับมาตรการควบคุมและตรวจสอบที่รัดกุมในการเชื่อมต่อกับประเทศเพื่อนบ้าน เพื่อป้องกันภัยจากมิจฉาชีพ เช่น กลุ่ม Call center เพื่อความปลอดภัยของประชาชน” นายประเสริฐ กล่าว