สงครามรัสเซียยูเครน

ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ตลาดหุ้นยุโรป ปิดบวกที่ระดับสูงสุดเป็นประวัติการณ์ ในวันพฤหัสบดี (6 ก.พ.68) ด้วยแรงหนุนของหุ้นกลุ่มเหมืองแร่หนุนตลาด และแนวโน้มที่ดีของสันติภาพระหว่างยูเครนและรัสเซีย ดัชนี STOXX 600 ปิดตลาดที่ระดับ 84 จุด เพิ่มขึ้น 6.28 จุด หรือ +1.17% ดัชนี CAC-40 ตลาดหุ้นฝรั่งเศสปิดที่ 8,007.62 จุด เพิ่มขึ้น 94 จุด หรือ +1.47%, ดัชนี DAX ตลาดหุ้นเยอรมนีปิดที่ 21,902.42 จุด เพิ่มขึ้น 49 จุด หรือ +1.47% ดัชนี FTSE 100 ตลาดหุ้นลอนดอนปิดที่ 8,727.28 จุด เพิ่มขึ้น 99 จุด หรือ +1.21% โดยหุ้นของ ออรูบิส (Aurubis) ผู้ผลิตทองแดงรายใหญ่ที่สุดของยุโรปพุ่งขึ้น หลังจากรายงานผล “กำไร” ไตรมาสแรกสูงกว่าที่คาดการณ์ไว้ ขณะที่ดัชนีหุ้นของประเทศในยุโรป ซึ่งอยู่ใกล้กับ “รัสเซีย” เช่น ออนเตรีย, โปแลนด์, และฟินแลนด์ ปรับตัวสูงขึ้นตามกัน หลังจากการเตรียมประชุมระหว่าง “วลาดิเมียร์ ปูติน” ประธานาธิบดีรัฐเซีย กับ “โดนัลด์ ทรัมป์” ประธานาธิบดีสหรัฐฯ มีความคืบหน้า ทำให้เพิ่มความหวังว่า ใกล้จะมีข้อยุติความขัดแย้ง ระหว่างสงครามยูเครนและรัสเซีย ที่ดำเนินมานานเกือบ 3 ปี สวนทางกับ หุ้นกลุ่มการบินอวกาศและการป้องกัน ที่ร่วงลง 0.9% และเป็นการร่วงลงวันเดียวหนักที่สุดในรอบกว่า 1 สัปดาห์ โดยหุ้น Saab, Rheinmetall และ Hensoldt ร่วงลงในช่วง 4.5%-6.1% สำหรับหุ้นกลุ่มนี้ปรับตัวขึ้นมากกว่า 2 เท่า ตั้งแต่รัสเซียบุกยูเครนในเดือนกุมภาพันธ์ ปี 2565 และแตะระดับสูงสุดเป็นประวัติการณ์ เมื่อวันพุธ (5 ก.พ.68) ที่ผ่านมา ช่วง 6 สัปดาห์แรกของปีนี้ พบว่า ตลาดหุ้นยุโรป มีผลการดำเนินงานที่ดีกว่าตลาดหุ้นสหรัฐฯ โดยนักลงทุนยังคงเข้าซื้อหุ้นที่มีราคาน่าสนใจในยุโรป พร้อมกับคาดหวังนโยบายกระตุ้นเศรษฐกิจเพิ่มเติมจากธนาคารกลางยุโรป (ECB)