สมาชิกสำนักงานพลังงานสากล

บริษัทหลักทรัพย์ ซีจีเอส-ซีไอเอ็มบี (ประเทศไทย) จำกัด ระบุในบทวิเคราะห์วันนี้(7เม.ย.2565) ว่า แนวโน้มดัชนีวันนี้น่าจะซึมลงต่อ แต่คงไม่แรงมาก เนื่องจากยังไม่มีประเด็นหลักๆ ที่คอยหนุนตลาด ประเด็นที่ใช้เล่นกันเป็นแค่ข่าวหุ้นรายตัวหรือรายกลุ่ม ปัจจัยกดดันวันนี้คือ การปิดของตลาดหุ้นสหรัฐ ราคาน้ำมันและการคว่ำบาตรรอบ 2 ของกลุ่มต่อรัสเซีย และที่สำคัญการคาดการณ์ต่อการขึ้นดอกเบี้ยของสหรัฐ ส่วนประเด็นที่ยังกดดันก่อนหน้านี้ คือ ตลาดเริ่มแพง นักลงทุนต่างชาติเริ่มหยุดนิ่งหรือกำลังรองบไตรมาส 1/2565 ขณะที่กองทุนในประเทศยังเปิดหน้าขายตลอดเหล่านี้คือประเด็นที่จะทำให้ดัชนีจะไปต่อไม่ได้มาก วันนี้มองแนวต้านที่ 1,706-1,710 จุด และแนวรับที่ 1,695-1,690 จุด นอกจากนี้เมื่อคืนนี้(6 เม.ย.65) ราคาน้ำมันดิบปรับตัวลดลง 5.73 เหรียญ/บาร์เรลหรือ ลดลง 5.6% ปิดที่ 96.23 เหรียญ/บาร์เรล เป็นระดับต่ำสุดในรอบ 3 สัปดาห์ หลังจากประเทศสมาชิกสำนักงานพลังงานสากล (IEA) ได้ตกลงว่าจะระบายน้ำมันจากคลังสำรองเพื่อรับมือกับภาวะอุปทานตึงตัว อีกทั้งตลาดยังได้รับแรงกดดันจากรายงานสต็อกน้ำมันดิบของสหรัฐที่พุ่งขึ้นสวนทางกับการคาดการณ์สำนักข่าวรอยเตอร์รายงาน โดยอ้างแหล่งข่าวว่า ประเทศสมาชิก IEA จะระบายน้ำมันจากคลังสำรองทางยุทธศาสตร์ในปริมาณ 120 ล้านบาร์เรล เพื่อรับมือกับภาวะอุปทานตึงตัวและเพื่อสกัดการพุ่งขึ้นของราคาน้ำมัน โดยน้ำมันที่จะระบายออกจากคลังนี้ รวมถึงน้ำมันจากคลังของสหรัฐในปริมาณ 60 ล้านบาร์เรล ทั้งนี้จากปัจจัยราคาน้ำมันดิบปรับตัวลงแรงดังกล่าวได้แนะนำซื้อเก็งกำไรหุ้นที่ได้ประโยชน์จากราคาน้ำมันปรับตัวลงแรงอาทิ EPG ,TASCO ,PTTGC ,SCC ,SCCC ,SCGP ,CK และ STEC โดยบริษัท อีสเทิร์นโพลีเมอร์ กรุ๊ป จำกัด (มหาชน) EPG และ บริษัท ทิปโก้แอสฟัลท์ จำกัด (มหาชน) หรือ TASCO (วัตถุดิบหลักมากจากน้ำมันดิบ) ส่วนบริษัท พีทีที โกลบอล เคมิคอล จำกัด (มหาชน) หรือ PTTGC และ บริษัท ปูนซิเมนต์ไทย จำกัด(มหาชน) หรือ SCC (ราคาแนฟทาซึ่งเป็นวัตถุดิบในการผลิตปิโตรเคมีจะปรับลดลงตามราคาน้ำมันดิบ) ด้านบริษัท ปูนซีเมนต์นครหลวง จำกัด (มหาชน) หรือ SCCC และบริษัท เอสซีจี แพคเกจจิ้ง จำกัด (มหาชน) หรือ SCGP (ถ่านหินเป็นต้นทุนเชื้อเพลิง) ส่วนบริษัท ช.การช่าง จำกัด (มหาชน) หรือ CK และ บริษัท ซิโน-ไทย เอ็นจีเนียริ่งแอนด์คอนสตรัคชั่น จำกัด(มหาชน) หรือSTEC (ต้นทุนการก่อสร้างลดลง) ซึ่งเป็นหุ้นส่วนใหญ่ที่ราคาปรับตัวลดลงในช่วงที่ราคาน้ำมันดิบปรับตัวขึ้นแรงก่อนหน้านี้ โดย Bloomberg consensus ให้ราคาเป้าหมายเฉลี่ยของ EPG ที่ 15.20 บาท, TASCO ที่ 18.20 บาท, PTTGC ที่ 67.70 บาท, SCC ที่ 472 บาท, SCCC ที่ 185.20 บาท, SCGP ที่ 69.61 บาท, CK ที่ 25.21 บาท และ STEC ที่ 17.90 บาท