สะหวันนะเขต

นายจันทร สิทธิชัย ผู้อำนวยการใหญ่ ธนาคารทองคำลาว หรือ Lao Bullion Bank (LBB) เปิดเผยว่า วัตถุประสงค์ในการจัดตั้งธนาคารทองคำลาวขึ้นมานั้น เนื่องจากรัฐบาลจะยกระดับทองคำให้เป็นมาตรฐานสากล เพื่อให้ทรัพยากรเกิดมีมูลค่า ดังนั้นจึงมีการตั้งธนาคารทองคำขึ้นมา โดยปัจจุบันทองคำในประเทศลาวมีอยู่ประมาณ 1,000 ดอลลาร์สหรัฐ ดังนั้นถ้าบริษัทนำทองคำจากประชาชนเข้าสู่ระบบเต็มรูปแบบจะทำให้ GDP ในประเทศมีสภาพคล่องมากยิ่งขึ้นจากเดิม พร้อมกับส่งผลดีต่อค่าเงินกีบลาวโดยตรงอีกด้วย ทั้งนี้ ในขั้นตอนของประชาชนเมื่อนำทองคำมาฝากไว้กับธนาคาร ทางธนาคารจะออกโฉนดทองคำ เพื่อสามารถนำไปขอสินเชื่อจากธนาคารที่เป็นพันธมิตรจำนวน 6 แห่ง เพื่อประเมินวงเงินกู้ได้สูงถึง 85-90% จากเดิมที่นำโฉนดที่ดินไปค้ำประกันได้เพียง 60-65% เท่านั้น อย่างไรก็ตามกลุ่มสมาคมทองคำ มีชมาชิกร้านค้าทองคำในเครือกว่า 700 แห่ง เพื่อแลกเปลี่ยน ซื้อขาย หรือกู้ยืม ดังนั้นการนำทองคำเข้ามาฝากกับธนาคารประชาชนจะได้ประโยชน์ คือ วงเงินกู้ที่สูงขึ้น, เข้าถึงเงินทุนได้ง่าย และดอกเบี้ยลดลง นอกจากนั้น ทองคำที่ประชาชนฝากเอาไว้ ในกรณีที่อยากจะเทรด หรือซื้อขายระดับสากล ก็สามารถเทรดผ่านแบบฟอร์มของธนาคารที่ฝากไว้โดยตรง ซึ่งปัจจุบันอยู่ที่ประมาณ 2,000 เหรียญต่อออนซ์ หรือประมาณ 80,000 กว่าเหรียญต่อกีบ ”ขณะเดียวกันทองคำที่นำมาฝากไว้กับธนาคารทองคำจะทำให้เกิด Capital Gain และ Dividend Yield จากอัตราดอกเบี้ยที่ 2% ต่อปี พร้อมกับได้เงินทุนสะดวกมากขึ้น ซึ่งเป็นแนวคิดที่จัดตั้งธนาคารทองคำขึ้นมา เพื่อได้การลงทุนในส่วนของเงินมาเป็นตระกูลทองคำ โดยไม่ได้เสียดุลการค้าแม้แต่อย่างใด ซึ่งเจตนาหลักๆ ก็คือนำทองคำมาพัฒนาเศรษฐกิจในประเทศลาว และอุตสาหกรรมลาวให้มันดีขึ้น” นายจันทร กล่าว สำหรับ Lao Bullion Bank ก่อตั้งขึ้นด้วยทุนจดทะเบียนกว่า 50 ล้านดอลลาร์ และการลงทุนรวมมูลค่ากว่า 2,000 ล้านบาท โดยมีเป้าหมายเพื่อสร้างความเชื่อมั่นและความมั่งคั่ง ขณะที่สัดส่วนการถือหุ้นจะมีในส่วนของรัฐบาลสปป.ลาว ถือหุ้น 25% ขณะที่ทางธนาคารทองคำถือหุ้นสัดส่วน 75% นายจันทร กล่าวต่อว่า ทางธนาคารทองคำลาวได้เปิดตัวอย่างยิ่งใหญ่จัดงาน Grand Opening ในวันที่ 3 ธันวาคม 2567 เพื่อเป็นการเปิดตัวอย่างเป็นทางการ โดยมีเป้าหมายที่จะเริ่มต้นบทใหม่ของเศรษฐกิจลาว ภายในงานมีผู้นำภาครัฐ ผู้บริหาร และพันธมิตรร่วมงานอย่างคับคั่ง ตอกย้ำความสำคัญของ LBB ในฐานะรากฐานสำคัญสำหรับการเติบโตทางเศรษฐกิจของลาวในอนาคต อย่างไรก็ตาม ตั้งแต่การเปิดตัวแบบ Soft Opening เมื่อสองเดือนที่ผ่านมา ธนาคารได้สร้างแรงกระตุ้นที่สำคัญในสังคมลาว มีบัญชีรายย่อยที่เปิดใช้งานแล้วกว่า 2,000 บัญชี และมีการสะสมทองคำกว่า 50,000 กรัม หรือประมาณทองคำ 50 กิโลกรัม ซึ่งแสดงถึงการตอบรับที่แข็งแกร่งจากชุมชน ส่วนเป้าหมายระยะยาว Lao Bullion Bank มีเป้าหมายที่ชัดเจนในการขยายฐานลูกค้าในปี 2568 จำนวน 10,000 บัญชี และให้ได้ถึง 100,000 บัญชี ภายใน 3 ปี และวางแผนเปิดเพิ่มอีก 4 สาขาในหัวเมืองใหญ่ของลาว หลังจากเปิดสาขาแรกไปแล้วที่เวียงจันทน์ และคาดว่าจะเปิดอีกในหลวงพระบาง สะหวันนะเขต และจำปาสัก พร้อมทั้งผลักดันการเปลี่ยนแปลงพฤติกรรมการออมทรัพย์และการลงทุนในประเทศ ทั้งนี้ ทางธนาคารมีความคาดหวังว่าทองคำจะมีการฝาก เท่าบัญชีเงินฝากต่อไป นอกจากนี้ ธนาคารจะมีการปล่อยกู้ทองคำให้กับร้านทอง ซึ่งเป็นการหมุนเวียนในระบบนิเวศด้านทางการเงิน สำหรับการปล่อยกู้จะคิดดอกเบี้ย 6- 8% เนื่องด้วยเล็งเห็นว่าปัจจุบันประเทศลาวมีทองคำที่ประชาชนถือครองประเมินมูลค่าทองคำในตลาด ประมาณ 10,000 ดอลลาร์สหรัฐ เนื่องจากมีการสะสมทองคำประมาณ 1,000 ตัน นายจันทร กล่าวเพิ่มเติมว่า การก่อตั้งธนาคารทองคำลาวถือเป็นก้าวสำคัญในการเสริมสร้างเสถียรภาพทางการเงินของประเทศ ด้วยผลิตภัณฑ์และบริการที่เชื่อถือได้ เรามุ่งมั่นสร้างรากฐานที่มั่นคงสำหรับความมั่งคั่งในอนาคต โดยยึดมั่นในวิสัยทัศน์ที่จะนำความมั่งคั่งและความมั่นคงมาสู่สังคมลาว ในโลกที่เสถียรภาพทางการเงินเป็นแรงขับเคลื่อนสำคัญ Lao Bullion Bank พร้อมจะเป็นเสาหลักในการขับเคลื่อนการเติบโตของเศรษฐกิจลาว พร้อมสนับสนุนความมั่งคั่งและมั่นคงให้กับคนรุ่นปัจจุบันและอนาคต อีกทั้งทางธนาคารทองคำมีพันธมิตรที่แข็งแกร่งจากความร่วมมือกับ StoneX ซึ่งเป็นผู้นำด้านการเงินระดับโลก ช่วยส่งเสริมความเชื่อมั่นและความเชี่ยวชาญให้กับ LBB ไม่ว่าจะเป็นการพัฒนาโครงสร้างพื้นฐานทางการเงิน หรือการปรับปรุงกระบวนการกลั่นทองคำที่มีความบริสุทธิ์ถึง 99.99% “อย่างไรก็ดี Lao Bullion Bank ยืนยันความมุ่งมั่นที่จะสร้างระบบการเงินที่มั่นคงและนำเสนอผลิตภัณฑ์ที่ตอบโจทย์ทุกความต้องการ โดยพร้อมเป็นส่วนหนึ่งในการผลักดันเศรษฐกิจลาว และสร้างความร่วมมือที่แข็งแกร่ง เพื่อขับเคลื่อนนวัตกรรมและเสถียรภาพทางการเงิน พร้อมสร้างระบบเศรษฐกิจที่มั่นคงและยั่งยืน” นายจันทร กล่าวปิดท้าย