สายพันธุ์XE

นพ.ศุภกิจ ศิริลักษณ์ อธิบดีกรมวิทยาศาสตร์การแพทย์ เปิดเผยความคืบหน้าสถาการณ์โควิด-19 สายพันธุ์ย่อย XE หลังองค์การอนามัยโลก หรือ WHO ออกมาแจ้งว่า พบเชื้อดังกล่าวในโลกแล้ว ส่วนในไทยพบ 1 รายว่า หลังจากที่โรงพยาบาลรามาธิบดี ออกมาให้ข้อมูลว่า ผลจากการติดตามถอดรหัสพันธุกรรมเชื้อโควิด-19 พบสายพันธุ์ลูกผสมระหว่างสายพันธุ์ย่อย โอมิครอน BA.1 และ BA.2 จนเกิดสายพันธุ์ ลูกผสม XE เหมือนที่พบในประเทศอังกฤษ ทั้งนี้ล่าสุด กรมวิทยาศาสตร์การแพทย์ ได้มีการนำตัวอย่างเชื้อของผู้ป่วยติดเชื้อโอมิครอนรายอื่นมาถอดรหัสพันธุกรรมก็พบสายพันธุ์ลูกผสม XJ ที่พบมากในฟินแลนด์ โดยสายพันธุ์ลูกผสมที่พบของกรมวิทยาศาสตร์การแพทย์นี้ พบในชายไทย 34 ปี อาชีพพนักงานขนส่งสิ่งของ โดยคนกลุ่มนี้เจอคนหลากหลาย จึงมีโอกาสติดเชื้อได้ง่ายและเสี่ยงกว่าคนทั่วไป จึงเสี่ยงเจอเชื้อไฮบริด โดยตรวจพบเชื้อในวันที่ 22 กุมภาพันธ์ 2565 ที่โรงพยาบาลแห่งหนึ่งในกรุงเทพมหานคร ผู้ป่วยรายนี้มีประวัติฉีดวัคซีนชิโนฟาร์มไปแล้ว 2 เข็ม แต่ทั้งนี้ ชายคนดังกล่าวปัจจุบันรักษาหายป่วยแล้ว ส่วนการเกิดสายพันธุ์ลูกผสมตระกูล X คือ การพบคนติดเชื้อมากกว่า 2 สายพันธุ์ในคนเดียว และเกิดการผสมกันระหว่างสายพันธุ์ จนเกิดเป็นไฮบริด หรือ ลูกผสม โดยทั่วโลกพบสายพันธุ์ลูกผสม หรือ ไฮบริด รวม 17 ตัว ทั้งนี้กรมวิทยาศาสตร์การแพทย์ ได้นำเชื้อดังกล่าวที่พบ รายงานต่อ GISAID แล้ว โดยนพ.ศุภกิจ ยังให้ข้อมูลเพิ่มเติมว่า เหตุผลที่องค์การอนามัยโลก ได้มีการสั่งจับตาลูกผสม XE เนื่องจากแพร่เร็วกว่า BA.2 ถึง 10% ในอังกฤษ ส่วนเรื่องการหลบภูมิต่อวัคซีนหรือไม่ยังไม่มีใครตอบได้ ส่วนรายละเอียดของคนที่ติดเชื้อสายพันธุ์ลูกผสม XE ให้สอบถามรายละเอียดกับทางโรงพยาบาลรามาธิบดีอีกครั้ง สำหรับโควิดสายพันธุ์โอมิครอน ติดง่ายมาก เพียงแต่ความรุนแรงลดลง จึงขอให้ประชาชนอย่าประมาท และระมัดระวัง อย่าไปเชื่อว่าการปล่อยให้ติดเชื้อให้หมด เพราะถ้าปล่อยให้ติดเชื้อเยอะๆ โอกาสกลายพันธุ์มีสูง และไม่สามารถจะรู้ว่า หากเชื้อกลายพันธุ์แล้วจะรุนแรง จนทำให้เกิดปัญหาหรือไม่ พร้อมย้ำว่า การใช้ชีวิตปัจจุบันขออย่าไปรับประทานอาหารร่วมกัน และสวมหน้ากากอนามัยอย่างเคร่งครัด ด้าน นพ.บัลลังก์ อุปพงษ์ รองอธิบดีกรมวิทยาศาสตร์ ให้ข้อมูลเพิ่มเติมเรื่องภูมิคุ้มกันวัคซีนว่า ผู้ที่เข้ามารับทดลองวัคซีน โดยข้อมูลที่ไทยและต่างประเทศ ยังไม่พบภาวะที่พบไวรัสเพิ่มขึ้นในร่างกาย จนเกิดอาการรุนแรงภายหลังได้รับวัคซีน จึงขอยืนยันว่า ยังไม่มีข้อมูลที่ชัดเจนในเรื่องภาวะภูมิคุ้มกันเข้าข้างไวรัส