สำนักงานคณะกรรมการอ้อยและน้ำตาลทราย

"ข่าวหุ้นธุรกิจออนไลน์" ได้รวบรวมหุ้นกลุ่มผู้ผลิตน้ำตาลที่คาดการณ์ว่าจะได้รับประโยชน์จากข่าวราคาน้ำตาลตลาดโลกปรับตัวระดับสูงสุดในรอบ 13 ปี เป็นผลมาจากความกังวลสถานการณ์ภัยแล้งใน ประเทศบราซิล ซึ่งนับเป็นประเทศผู้ผลิตน้ำตาลรายใหญ่ของโลก โดยจากการพยากรณ์อากาศ บ่งชี้ว่า ภัยแล้งในบราซิลรุนแรงที่สุดครั้งหนึ่งในประวัติศาสตร์ก่อให้เกิดไฟไหม้พื้นที่การเกษตร ซึ่งปัจจัยดังกล่าวส่งผลให้สัญญาซื้อขายน้ำตาลปรับตัวขึ้นสู่ระดับสูงสุดในรอบ 7 เดือน อยู่ที่ 23.71 เซนต์ต่อปอนด์ ขณะที่ ยังส่งผลต่อตลาดน้ำตาลนิวยอร์ก เนื่องจากมีความคาดหวังว่าบราซิลจะเข้าสู่ช่วงผลผลิต แต่ปัจจัยดังกล่าวส่งผลกระทบให้เกิดความล่าช้าในการส่งผลผลิตกว่าในรอบหลายทศวรรษ ข้อมูลจาก สำนักงานคณะกรรมการอ้อยและน้ำตาลทราย ระบุว่า ราคาน้ำตาลทรายดิบตลาดนิวยอร์ค ประจำสัปดาห์ที่ผ่านมา (16 – 20 กันยายน 2567) เคลื่อนไหวผันผวนและปิดตลาดด้วยราคาที่เพิ่มขึ้นหลังจาก Climatempo กล่าวว่า พื้นที่เพาะปลูกน้ำตาลของบราซิลยังคงประสบปัญหาภัยแล้งไฟไหม้ผลผลิตอ้อยในรัฐเซาเปาโล (Sao Paulo) ซึ่งเป็นรัฐที่ผลิตน้ำตาลมากที่สุด ด้านบริษัทที่ปรึกษา Covrig Analytics ได้ปรับเพิ่มประมาณการณ์การขาดแคลนน้ำตาลทั่วโลกสำหรับปี 2567/68 ขึ้นเป็น 600,000 ตัน จากการประมาณการครั้งก่อนไว้ที่ 300,000 ตัน ทั้งนี้ ยังได้มีการคาดการณ์ราคาน้ำตาลตามสัญญาซื้อขายล่วงหน้า เดือนตุลาคม 2567 เคลื่อนไหวอยู่ระหว่าง 18.84 – 23.13 เซนต์/ปอนด์ และปิดตลาดครั้งสุดท้ายที่ 22.66 เซนต์/ปอนด์ เพิ่มขึ้นจากสัปดาห์ก่อน 3.65 เซนต์/ปอนด์ หรือ 19.20% และราคาน้ำตาลตามสัญญาซื้อขายล่วงหน้าเดือนมีนาคม 2568 เคลื่อนไหวอยู่ระหว่าง 19.22 – 22.92 เซนต์/ปอนด์ และปิดตลาดครั้งสุดท้ายที่ 22.74 เซนต์/ปอนด์ เพิ่มขึ้นจากสัปดาห์ก่อน 3.33 เซนต์/ปอนด์ หรือ 17.16% โดยสอดคล้องกับบทวิเคราะห์ บริษัทหลักทรัพย์ บัวหลวง จำกัด (มหาชน) ระบุ ว่ามีมุมมองเชิงบวกต่อหุ้นในกลุ่มน้ำตาล เนื่องจากราคาน้ำตาลส่งสัญญาณฟื้นตัวเมื่อลงมาแตะเส้น support แนวรับสำคัญ ซึ่งเคยเป็นฐานราคาที่แข็งแกร่งเมื่อปี 2564 ล่าสุด break out ด่านย่อยและทำจุดสูงสุดใหม่ในรอบ 2 เดือนสำเร็จบริเวณ 20 เซนต์/ปอนด์ ทั้งนี้ จากปัจจัย เอลนีโญ ส่งผลให้โซนทวีปอเมริกาใต้ อาทิ ภัยแล้งในบราซิล ซึ่งประเด็นดังกล่าวผลักดันราคาน้ำตาลโลกให้ฟื้นตัวกลับขึ้นมาในช่วงครึ่งหลังปี 67 นับเป็นปัจจัยบวกต่อหุ้น อาทิ บริษัท น้ำตาลขอนแก่น จำกัด (มหาชน) หรือ KSL, บริษัท เกษตรไทย อินเตอร์เนชั่นแนล ชูการ์ คอร์ปอเรชั่น จำกัด (มหาชน) หรือ KTIS และ บริษัท น้ำตาลครบุรี จำกัด (มหาชน) หรือ KBS เป็นต้น ด้าน บริษัทหลักทรัพย์ กรุงศรี จำกัด (มหาชน) ระบุถึงข้อมูล องค์กรน้ำตาลระหว่างประเทศ International Sugar Organization (ISO) คาดการณ์ว่าปี 2567/68 อุตสาหกรรมน้ำตาลโลกจะมีความต้องการน้ำตาล 182 ล้านตัน ขณะที่ผลผลิตน้ำตาล 179 ล้านตัน ทำให้เกิดอุปทานส่วนขาดอยู่ที่ -3.5 ล้านตัน เนื่องจากบราซิลเผชิญกับภัยไฟป่าและภัยแล้งส่งผลให้มีความเสียหายในไร่อ้อยราว 5 ล้านตัน จากผลผลิตอ้อย 600 ล้านตัน, ทาง ISO ซึ่งคาดการณ์บราซิลมีผลผลิตน้ำตาล 39.2 ล้านตัน ลดจากคาดเดิมที่ 40 ล้านตัน ขณะที่ ประเทศไทย เป็นผู้ผลิตอันดับ 5 และผู้ส่งออกอันดับ 2 ของโลก คาดการณ์มีอ้อยปี 2567/68 ที่ 92-95 ล้านตัน เปรียบเทียบกับที่เคยมีอยู่ 82 ล้านตันในปี 2566/67 ซึ่งคาดการณ์ผลผลิตน้ำตาลเพิ่มขึ้นอยู่ที่ 11 ล้านตัน จาก 8.8 ล้านตันในปี 2566/67 ราคาน้ำตาลในประเทศปัจจุบันอยู่ที่ 21-22 บาท/กิโลกรัม แต่ราคาในปี 2568 อาจมีการปรับขึ้นหรือลงขึ้นอยู่กับ 1. ต้นทุนอ้อยที่เพิ่มขึ้น 2. ราคาน้ำตาลโลกที่ลดลง ผลกระทบน้ำท่วมภาคเหนือ ภาคอีสาน หากน้ำท่วมยาวถึงเดือน ต.ค.-พ.ย. จะทำให้ประมาณการน้ำตาลไทยปัจจุบันที่ 11 ล้านตัน มี downside เนื่องจากน้ำท่วมทำให้น้ำตาลในอ้อยต่ำกว่าปกติมากถึง 15% ทั้งนี้ ฝ่ายนักวิเคราะห์ประมาณการอ้อยและน้ำตาลไทยในปี 2567/68 ที่ OCSB คาดการณ์แตกต่างกับ KSL โดย KSL คาดการณ์ไทยมีอ้อย 95 ล้านตัน น้ำตาล 10 ล้านตัน ซึ่งผลผลิตน้ำตาลที่ OCSB คาดการณ์อยู่ที่ที่ 11 ล้านตันสูงกว่า KSL คาดการณ์ แต่ถ้าเกิดลดลง (discount) เนื่องมาจากกรณีน้ำท่วมกระทบความหวานอ้อยหายไป 15% จะได้น้ำตาลเพียง 9.35 ล้านตันจะต่ำกว่า KSL คาดการณ์ และหากเกิดจริงจะทำให้ผลผลิตน้ำตาลโลกต่ำกว่าคาดการณ์ รวมถึงอาจทำให้ราคาน้ำตาลโลกเพิ่มขึ้น โดยปัจจุบันแนะนำลงทุน KSL ราคาเป้าหมายปี 68 ที่ 2.80 บาท เพราะราคาหุ้นมักปรับตัวตาม sentiment ราคาน้ำตาล ซึ่งกังวลเศรษฐกิจโลกและราคาน้ำมันดิบอ่อนตัว ซึ่งฝ่ายนักวิเคราะห์ให้สมมติฐานราคาน้ำตาลโลกที่ 19 เซ็นต์ เท่ากับราคาในปัจจุบัน และหากราคาน้ำตาลเพิ่มขึ้น 1% จากสมมติฐานจะทำให้ประมาณการและราคาเป้าหมายเพิ่มขึ้น เพิ่มขึ้น 1.4% นอกจากนี้ บริษัทหลักทรัพย์ พาย จำกัด (มหาชน) ระบุในบทวิเคราะห์แนะนำ “ซื้อเก็งกำไร” หุ้น KSL ราคาเป้าหมาย 2.84 บาท ตามราคาน้ำตาลในตลาดโลก เพราะระยะกลางมีแรงกดดันจากแนวโน้มน้ำตาลในตลาดโลกที่คาดการณ์ว่าฤดูกาลผลิตปี 2568/69 จะมีปริมาณผลผลิตมากกว่าความต้องการสูงถึง 5.7 ล้านตัน เกิดจากผลผลิตจากไทยที่เพิ่มขึ้นเป็น 10.1 ล้านตัน เพิ่มขึ้น 12% จากช่วงเดียวกันเมื่อปีก่อน และทำให้ราคาน้ำตาลปรับตัวลดลงมาอยู่ในกรอบเพียง 18-20 เซนต์/ปอนด์ จากที่เคยสูงถึงระดับ 28 เซนต์/ปอนด์ ในช่วงปีที่ผ่านมา อย่างไรก็ตามคาดการณ์ว่า KSL จะมีปริมาณอ้อยเข้าหีบเพิ่มขึ้น ซึ่งจะมาชดเชยราคาขายที่ลดลงได้ ขณะที่ผลประกอบการงวดไตรมาส 3/2567 บริษัทพลิกมีกำไรสุทธิ 187 ล้านบาท จากที่ขาดทุน 165 ล้านบาท ในไตรมาสก่อนหน้าจากราคาขายที่ดีขึ้น