สินค้าพร้อมทาน

นายวีระ นพวัฒนากร ผู้อำนวยการฝ่ายบัญชีและการเงิน บริษัท ซันสวีท จำกัด (มหาชน) หรือ SUN เปิดเผยข้อมูลภาพรวมธุรกิจของบริษัทผ่านงาน Opportunity Day จัดโดยตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย (ตลท.) ในวันที่ 13 ส.ค. 67 ว่า ผลการดำเนินงานในไตรมาส 2/2567 มีรายได้จากการขายจำนวน 827.00 ล้านบาท ลดลง 108.30 ล้านบาท หรือ 11.60% เมื่อเปรียบเทียบกับไตรมาส 2/2566 อยู่ที่ 935.30 ล้านบาท โดยเป็นผลมาจากรายได้จากการขายต่างประเทศลดลงเนื่องจากในปี 2566 สภาพอากาศเหมาะสมทำให้คู่ค้าเร่งซื้อสินค้าเพื่อชดเชยสินค้าที่ขาดในช่วงก่อนหน้า ทำให้ต้นปี 2567 คู่ค้าต่างประเทศโดยเฉพาะทวีปเอเชียยังมีสินค้าเพียงพอจำหน่ายจึงไม่เร่งนำเข้าสินค้า ในขณะที่ตลาดยุโรปยังคงขยายตัวได้โดยเติบโตขึ้นจากกลุ่มสินค้ากระป๋องในส่วนของลูกค้ารายเดิมที่มาซื้อเพิ่ม ปริมาณวัตถุดิบรับเข้ายังคงเป็นไปตามแผน โดยลูกค้าได้เริ่มกลับมาซื้อเพิ่มในไตรมาส 2/2567 ทำให้รายได้จากการขายสูงขึ้น 61.70 ล้านบาท หรือเพิ่มขึ้น 8.10% เมื่อเทียบกับไตรมาส 1/2567 ขณะที่รายได้จากการขายในประเทศเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่องจากกลุ่มสินค้าพร้อมทาน (RTE) โดยเฉพาะมันหวานเผา ถั่วลายเสือ ลำไยลอยแก้ว ธัญพืชพร้อมทาน วางจำหน่ายในร้านสะดวกซื้อ ส่วนกำไรสุทธิของบริษัทในไตรมาส 2/2567 มีจำนวน 65.70 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 5.10 ล้านบาท หรือ 8.40% จากไตรมาส 2/2566 เนื่องจากบริษัทสามารถบริหารต้นทุนผลิตจากการปรับปรุงสายการผลิตเพื่อเพิ่มประสิทธิภาพมีการใช้ automaton ในกระบวนการผลิตมากขึ้น อัตราแลกเปลี่ยนสกุลบาทอ่อนค่า ทำให้อัตรากำไรขั้นต้นตั้งสูงขึ้น นอกจากนี้บริษัทยังคงมีนโยบายป้องกันความเสี่ยงอย่างสม่ำเสมอ โดยมีขาดทุนจากตราสารอนุพันธ์และอัตราแลกเปลี่ยน 9.60 ล้านบาท ขาดทุนลดลงจากไตรมาส 2/2566 อยู่ที่ 32.50 ล้านบาท “อย่างไรก็ตามบริษัทเน้นพลังงานสีเขียว (Green Energy) เช่น โครงการประหยัดพลังงานจากโครงการผลิต Biogas จาก Waste (ชังข้าวโพด) โครงการ Solar roof นอกจากนี้บริษัทยังมีการพัฒนาด้านการเพาะปลูกและการผลิตอย่างต่อเนื่อง การจัดการพื้นที่เพาะปลูก การพัฒนาสายพันธุ์ที่ให้ผลผลิตต่อไร่สูง การนำเทคโนโลยีเข้ามาใช้เพื่อช่วยในการคาดการณ์ผลผลิตอย่างแม่นยำและการปรับปรุงสายการผลิตเพื่อเพิ่มประสิทธิภาพ มีการใช้ automation ในกระบวนการผลิตมากขึ้น” นายวีระ กล่าว นายวีระ กล่าวเพิ่มเติมว่า แนวโน้มผลการดำเนินงานของบริษัทฯ ในไตรมาส 3/2567 เชื่อว่าบริษัทฯจะมีการบริหารต้นทุนการผลิตได้ดีจากการนำเทคโนโลยีเข้ามาใช้ในกระบวนการผลิต ในด้านการบริหารความเสี่ยงวัตถุดิบข้าวโพดหวาน บริษัทมีส่งเสริมการปลูกและขยายพื้นที่ในหลายพื้นที่ และเลี่ยงปลูกพื้นที่บริเวณลุ่มแม่น้ำเพื่อป้องกันความเสียหายจากน้ำท่วมในหน้าฝน สำหรับการเติบโตของรายได้จากการขายสินค้าในกลุ่มของสินค้าข้าวโพดหวาน บริษัทมีการขยายฐานลูกค้าในต่างประเทศในเอเชีย ได้แก่ ญี่ปุ่น เกาหลี ไต้หวัน อินโดนิเซีย อีกทั้งยังรุกตลาดอเมริกาและยุโรปอย่างต่อเนื่อง ทั้งนี้ ในไตรมาส 3/2567 คาดว่าคู่ค้ารายเดิมจะทยอยซื้อสินค้าเพิ่มมากขึ้น โดยการทำกำไรขั้นต้น บริษัทมุ่งหวังว่า การทำกำไรขั้นต้นจะต้องอยู่ในเกณฑ์หรือเกิน 20% จากแผนที่วางไว้ นอกจากนี้ ในไตรมาส 3/2567 จะใช้งานแสดงสินค้าเป็นช่องทางหลักในการซื้อขายสินค้าและมองหากลุ่มลูกค้ารายใหม่ ซึ่งจะจัดขึ้นในเดือนหน้า อาทิ งาน “Americas Food & Beverage Show & Conference” Miami-Florida USA 16-18 กันยายน 2567 บริษัทฯ มองว่า จะสามารถจับกลุ่มลูกค้าอเมริกาและกลุ่มลูกค้าละตินอเมริกาได้ ซึ่งเป็นตลาดใหม่ที่มีศักยภาพสูง สำหรับไตรมาส 4/2567 บริษัทฯ วางแผนกลยุทธ์จัดมหกรรมสินค้าต่อเนื่องจากไตรมาส 3/2567 ซึ่งจะจัดขึ้นในตลาดยุโรป อาทิ งาน “SIAL” ณ กรุงปารีส ประเทศฝรั่งเศส ในวันที่ 19-23 ตุลาคม 2567 และปิดท้ายด้วยงานแสดงสินค้า “PLAM” ที่ ชิคาโก อิลลินอยส์ ประเทศสหรัฐอเมริกา เป็นงานสุดท้าย “บริษัทมุ่งยกระดับการดำเนินธุรกิจด้วยกลยุทธ์เติบโตอย่างยั่งยืน โดยปรับโมเดลการตลาด และ Focus กลุ่มลูกค้าต่างประเทศรายหลักที่มีศักยภาพ เพื่อเพิ่มรายได้ให้มากขึ้น นอกจากนี้ ได้เพิ่มขีดความสามารถทางการแข่งขัน ด้วยการปรับปรุงและนำเทคโนโลยีมาใช้ในกระบวนการผลิต ลดต้นทุน และเดินหน้าก่อสร้างโครงการอาคารผลิตสินค้า RTE ซึ่งจะสามารถเพิ่มกำลังการผลิตเพิ่มขึ้น 200% เพื่อรองรับการขยายการเติบโตของยอดขาย และเพิ่มกำลังการผลิตในผลิตภัณฑ์ให้เพียงพอต่อความต้องการของผู้บริโภค รวมถึงช่วยเพิ่มประสิทธิภาพในการผลิตให้ได้ผลิตภัณฑ์ที่มีคุณภาพตามมาตรฐานอย่างสม่ำเสมอ” นายวีระ กล่าวทิ้งท้าย สรุปข้อมูลบริษัทจดทะเบียนตามรอบบัญชี (Company Snapshot) 3M/67