ส่งออก SMEs

กระทรวงพาณิชย์ โดยกรมการค้าต่างประเทศ จัดสัมมนา “FTA ขยายธุรกิจ พิชิตส่งออก” ณ โรงแรมแม่โขงเฮอริเทจ จังหวัดนครพนม เมื่อวันที่ 28 เมษายน 2568 เพื่อเสริมสร้างขีดความสามารถในการแข่งขันให้แก่ผู้ประกอบการ SMEs ในพื้นที่ภาคตะวันออกเฉียงเหนือ ได้แก่ จังหวัดนครพนม สกลนคร มุกดาหาร และหนองคาย โดยเน้นการใช้สิทธิประโยชน์จากความตกลงการค้าเสรี (FTA) เป็นกลยุทธ์สำคัญในการเพิ่มศักยภาพการส่งออก ท่ามกลางสภาวะการค้าโลกที่มีความผันผวน หลังสหรัฐอเมริกาประกาศขึ้นภาษีรอบใหม่ โดยมีผู้ประกอบการเข้าร่วมงานกว่า 150 ราย นายพิชัย นริพทะพันธุ์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์ เป็นประธานเปิดงาน และกล่าวว่า การเติบโตต่อเนื่องของการส่งออกไทยในช่วง 6 เดือนที่ผ่านมา ไม่ได้เกิดจากการเร่งส่งออกเพื่อหลีกเลี่ยงภาษีทรัมป์เพียงอย่างเดียว แต่เป็นผลจากการฟื้นตัวทางเศรษฐกิจที่ชัดเจน หลังจากรัฐบาลภายใต้การนำของนายกรัฐมนตรีแพทองธาร ชินวัตร เข้ารับตำแหน่ง โดยสถิติการส่งออกตั้งแต่เดือนตุลาคม 2567 เติบโตอย่างต่อเนื่อง ได้แก่ ตุลาคม เพิ่มขึ้น 14.6%, พฤศจิกายน 8.2%, ธันวาคม 8.7% ก่อนที่สหรัฐฯ จะประกาศมาตรการขึ้นภาษี ในไตรมาสแรกของปี 2568 (มกราคม–มีนาคม) การส่งออกไทยขยายตัวถึง 15.2% รวมมูลค่า 81,532.3 ล้านดอลลาร์สหรัฐ โดยแต่ละเดือนมีการเติบโตต่อเนื่อง ได้แก่ มกราคม 13.6%, กุมภาพันธ์ 14% และมีนาคม 17.8% นับเป็นการขยายตัวเฉลี่ยที่ 12.9% ในรอบ 6 เดือน ซึ่งถือเป็นอัตราสูงสุดในรอบ 10 ปี สะท้อนถึงความแข็งแกร่งในการฟื้นตัวของเศรษฐกิจไทย นอกจากนี้ นายพิชัย ยังเน้นย้ำถึงความสำคัญของการผลักดัน FTA กับประเทศต่าง ๆ โดยกล่าวถึงความสำเร็จของการทำข้อตกลง FTA กับสมาคมการค้าเสรีแห่งยุโรป (EFTA) ซึ่งประกอบด้วยประเทศที่มีกำลังซื้อสูง ได้แก่ สวิตเซอร์แลนด์ นอร์เวย์ ไอซ์แลนด์ และลิกเตนสไตน์ ที่สามารถสรุปการเจรจาได้ภายในเวลาเพียง 3 เดือน ซึ่งถือเป็นความสำเร็จที่น่าทึ่ง ส่งผลให้การส่งออกไทยไปยังสวิตเซอร์แลนด์ขยายตัวอย่างมีนัยสำคัญ ได้แก่ เดือนมกราคมเพิ่มขึ้น 852%, กุมภาพันธ์ 235% และมีนาคม 497% ตามลำดับ ขณะเดียวกัน ไทยยังเดินหน้าเจรจา FTA กับสหภาพยุโรป (EU) ซึ่งคาดว่าจะสำเร็จภายในปีนี้ รวมถึงการเจรจากับเกาหลีใต้ สหรัฐอาหรับเอมิเรตส์ (UAE) และความตกลงอาเซียน-แคนาดา ทั้งนี้หากสามารถสรุปข้อตกลงกับสหภาพยุโรปได้ จะส่งผลให้ไทยมีข้อตกลงทางการค้ากับกว่า 50 ประเทศทั่วโลก ช่วยเพิ่มโอกาสทางการค้าให้กว้างขวางยิ่งขึ้น นายพิชัย ยังเปรียบเทียบกรณีของเวียดนาม ซึ่งเคยมีมูลค่าการส่งออกตามหลังไทย แต่สามารถแซงไทยได้ในช่วง 4 ปีที่ผ่านมา อันเป็นผลจากการมีข้อตกลง FTA กับถึง 57 ประเทศ ซึ่งตอกย้ำบทบาทสำคัญของ FTA ต่อการเติบโตทางเศรษฐกิจ นอกจากนี้ กระทรวงพาณิชย์ยังสนับสนุนให้ผู้ประกอบการใช้วัตถุดิบในประเทศ (Local Content) เพื่อเสริมสร้างเศรษฐกิจฐานรากอย่างยั่งยืน พร้อมเดินหน้าพัฒนาแอปพลิเคชันใหม่ของกระทรวง รวบรวมข้อมูลการค้าและบริการ เพื่อให้ผู้ประกอบการเข้าถึงสิทธิประโยชน์ได้สะดวก รวดเร็ว และทันต่อการเปลี่ยนแปลงของตลาดโลก การสัมมนา “FTA ขยายธุรกิจ พิชิตส่งออก” ครั้งนี้ ถือเป็นครั้งที่ 6 จากทั้งหมด 10 ครั้งที่กำหนดจัดขึ้นทั่วประเทศ เพื่อเสริมศักยภาพผู้ประกอบการให้สามารถนำองค์ความรู้ไปใช้ขยายตลาดส่งออกได้จริง โดยนายพิชัยเชื่อมั่นว่า โครงสร้างเศรษฐกิจไทยที่ขับเคลื่อนด้วยการส่งออก การลงทุน และการท่องเที่ยว จะทำให้เศรษฐกิจเติบโตได้อย่างแข็งแกร่ง พร้อมทั้งรัฐบาลยังเดินหน้าแก้ไขปัญหาหนี้สินเพื่อกระตุ้นการบริโภคในประเทศ ควบคู่ไปกับการสนับสนุนการขยายตลาดในต่างประเทศ สำหรับผู้สนใจเข้าร่วมสัมมนาเพิ่มเติม สามารถติดตามข้อมูลได้ที่เว็บไซต์กรมการค้าต่างประเทศ www.dft.go.th หรือสอบถามข้อมูลเพิ่มเติมได้ที่กองสิทธิประโยชน์ทางการค้า โทร. 02 547 4855 หรือสายด่วน 1385