หมอวิชัย

นายกรภัทร์ จันทรังษี กรรมการ กรรมการผู้จัดการบริษัท บริหารสินทรัพย์ โกลบอลวัน จำกัด เปิดเผยถึงกรณีที่บริษัทฯได้ยื่นฟ้อง นายวิชัย ถาวรวัฒนยงค์ อดีตประธานกรรมการ บริษัท อินเตอร์ ฟาร์อีสท์ เอ็นเนอร์ยี่ คอร์ปอเรชั่น จำกัด (มหาชน) หรือ IFEC ในความผิดฐานหมิ่นประมาทผู้อื่นโดยการโฆษณา โดยล่าสุดเมื่อวันที่ 15 พฤษภาคม 2562 ที่ผ่านมา ศาลอาญามีคำพิพากษาเป็นคดีหมายเลขแดงที่ อ.1223/2562 ให้ลงโทษจำคุกนายวิชัย ถาวรวัฒนยงค์ เป็นเวลา 2 ปี (2 กรรม กรรมละ 1 ปี) และลงโทษจำคุกนายศุภกร แย้มงามเหลือ อดีตรักษาการผู้อำนายการฝ่ายประชาสัมพันธ์ของ ไอเฟค เป็นเวลา 1 ปี ในความผิดฐานหมิ่นประมาทโดยการโฆษณา โดยไม่ให้รอการลงโทษ พร้อมกับให้นับโทษนายวิชัยต่อจากคดีหมายเลขแดงที่ อ.359/2562 ของศาลจังหวัดฉะเชิงเทรา ที่ลงโทษจำคุกนายวิชัย เป็นเวลา 2 ปี ในความผิดฐานฟ้องเท็จ ซึ่งเป็นคดีที่นายสิทธิชัย พรทรัพย์อนันต์ เป็นโจทก์ยื่นฟ้องนายวิชัย รวมปัจจุบัน นายวิชัยถูกศาลลงโทษจำคุกแล้ว 4 ปี “ถือเป็นการพิสูจน์ให้เห็นความจริงว่า สิ่งที่นายวิชัย และนายศุภกร พยายามให้ข้อมูลผ่านสื่อในทำนองว่า IFEC ตรวจพบว่า หนี้ของบริษัท โรงแรมดาราเทวี จำกัด ที่ชำระหนี้บางส่วนให้แก่บริษัท บริหารสินทรัพย์ โกลบอลวัน จำกัด เป็นหนี้ปลอม ที่นายสิทธิชัย พรทรัพย์อนันต์ และบริษัท บริหารสินทรัพย์ โกลบอลวัน จำกัด กับพวก ร่วมกันฉ้อฉลสร้างหนี้ที่ไม่อยู่จริงขึ้นมา ทำให้ไอเฟคหลงเชื่อจ่ายเงิน 355 ล้านบาท ไป ไม่เป็นความจริงแต่ประการใด” นายกรภัทร์ กล่าวต่อว่า เท่าที่ได้มีโอกาสพูดคุยกับผู้ถือหุ้น IFEC อยากเห็นบอร์ดชุดใหม่ ซึ่งถือเป็นผู้ทรงคุณวุฒิ มีความรู้ความสามารถ ภายใต้การนำของผู้ถือหุ้นใหญ่ นายทวิช เตชะนาวากุล ซึ่งปัจจุบัน นั่งในตำแหน่งประธานกรรมการบริษัท และประธานเจ้าหน้าที่บริหาร ให้เร่งเดินหน้าแก้ปัญหาที่เกิดขึ้นในIFEC เพราะหลังจากที่กระทรวงพาณิชย์รับจดทะเบียนบอร์ดใหม่ในเดือนมีนาคมที่ผ่าน จนถึงปัจจุบันยังไม่มีความคืบหน้าในการเจรจากับเจ้าหนี้ ผู้ถือหุ้นกู้ ตั๋วบี/อี แต่ประการใด และจนถึงขณะนี้ยังไม่มีการย้ายพนักงานเข้ามาปฏิบัติหน้าที่ในสำนักงานใหญ่ไอเฟค ซึ่งไม่แน่ใจว่าธุรกิจจะเดินหน้าได้อย่างไร “ถึงเวลาแล้วที่กรรมการผู้ทรงคุณวุฒิ มากประสบการณ์ ต้องดึงความสามารถในการบริหารองค์กร ในภาวะวิกฤติมาใช้ ไม่ใช่ปล่อยให้ทุกอย่างช้าเป็นเรือเกลือ เช่นทุกวันนี้ ไม่เหมือนอย่างที่คุยตอนประชุมผู้ถือหุ้น IFEC ซึ่งคงยากที่จะพลิกฟื้นธุรกิจได้อย่างที่ผู้ถือหุ้นฝากความหวัง”