หุ้นกลุ่มอิเล็กฯ

ผู้สื่อข่าวรายงานว่า วันนี้ (4 เม.ย. 68) ราคาหุ้นกลุ่มอิเล็กฯ ณ เวลา 10:40 น. ปรับตัวลงรับ sentiment เชิงลบ Microsoft ชะลอแผนลงทุน Data Center นำโดย บริษัทเดลต้า อีเลคโทรนิคส์ (ประเทศไทย) จำกัด (มหาชน) หรือ DELTA ราคาหุ้นอยู่ที่ระดับ 57.75 บาท ลบ 2.75 บาท หรือ 4.55% สูงสุดที่ระดับ 59.50 บาท ต่ำสุดที่ระดับ 56.75 บาท ด้วยมูลค่าการซื้อขาย 430.26 ล้านบาท บริษัท ฮานา ไมโครอิเล็คโทรนิคส จำกัด (มหาชน) หรือ HANA ราคาหุ้นอยู่ที่ระดับ 15.80 บาท ลบ 0.80 บาท หรือ 4.82% สูงสุดที่ระดับ 16.30 บาท ต่ำสุดที่ระดับ 15.70 บาท ด้วยมูลค่าการซื้อขาย 67.86 ล้านบาท บริษัท เคซีอี อีเลคโทรนิคส์ จำกัด (มหาชน) หรือ KCE ราคาหุ้นอยู่ที่ระดับ 15.60 บาท ลบ 0.60 บาท หรือ 3.70% สูงสุดที่ระดับ 15.90 บาท ต่ำสุดที่ระดับ 15.50 บาท ด้วยมูลค่าการซื้อขาย 41.41 ล้านบาท บริษัท แคล-คอมพ์ อีเล็คโทรนิคส์ (ประเทศไทย) จำกัด (มหาชน) หรือ CCET ราคาหุ้นอยู่ที่ระดับ 5.25 บาท ลบ 0.15 บาท หรือ 2.78% สูงสุดที่ระดับ 5.35 บาท ต่ำสุดที่ระดับ 5.20 บาท ด้วยมูลค่าการซื้อขาย 89.06 ล้านบาท บริษัทหลักทรัพย์ เคจีไอ (ประเทศไทย) จำกัด (มหาชน) ยังคงแนะหลีกเลี่ยงลงทุนกลุ่มอิเล็กทรอนิกส์ หลัง Microsoft ชะลอ/ ยุติ แผนพัฒนา ศูนย์ข้อมูล (Data Center) ในหลายภูมิภาค เช่น สหราชอาณาจักร, ออสเตรเลีย, นอร์ทดาโคตา, วิสคอนซิน และอิลลินอยส์ (Source: Bloomberg) ทั้งนี้ แม้ว่า การที่ Microsoft ชะลอ หรือ ยกเลิก Data Center ในบางโครงการ อาจไม่ใช่สัญญาณฟองสบู่ของ AI แต่อาจเป็นสัญญาณการปรับสมดุล หรือ เริ่มมีการจัดลำดับความสำคัญเพื่อบริหารให้อุปสงค์และอุปทานมีความสมดุลกัน ซึ่ง Microsoft เองยังคงแผนการลงทุนราว 8 หมื่นล้านเหรียญดอลล่าร์สหรัฐในปี 2025 อย่างไรก็ดี เรามองว่าการชะลอ/ยุติแผนพัฒนาศูนย์ข้อมูลของ Microsoft เป็นสัญญาณเตือนว่าการเติบโตของ Data Center อาจจะโตในอัตราที่ลดน้อยลง รวมถึงยังต้องจับตาดูเกี่ยวกับอุปสงค์ของ Data Center ในอนาคต อาจมี sentiment เชิงลบต่อกลุ่มอิเล็กทรอนิกส์จากความกังวลว่า AI Adoption อาจจะล่าช้ากว่าที่ตลาดคาดการณ์ไว้ก่อนหน้านี้ นอกจากนี้กลุ่มอิเล็กทรอนิกส์ยังคงมีความเสี่ยงจากการขึ้นภาษีของประธานธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ นักวิเคราะห์ บริษัทหลักทรัพย์ บัวหลวง จำกัด (มหาชน) กล่าวว่า การปรับขึ้นภาษีศุลกากรของทรัมป์ที่ 37% ส่งผลกระทบต่อการส่งออกของไทยอย่างหนัก โดย DELTA มีรายได้จากสหรัฐฯ 35% เกี่ยวข้องกับโมดูลและระบบอิเล็กทรอนิกส์ ขณะที่ KCE มีรายได้จากสหรัฐฯ 23% ผลิตแผงวงจรพิมพ์สำหรับยานยนต์ HANA มีรายได้จากสหรัฐฯ สัดส่วน 20% ให้บริการบรรจุภัณฑ์ IC และบริการ PCBA ที่เกี่ยวข้องกับเซมิคอนดักเตอร์บางส่วน ส่วน CCET เน้นการประกอบอุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์สำหรับผู้บริโภคสำเร็จรูป ไม่ได้ส่งออกไปสหรัฐฯ ทั้งนี้ หากสมมติว่ายอดขายในสหรัฐฯ ลดลง 10% ผลกระทบต่อกำไรเบื้องต้นปี 2568 DELTA กำไรจะลดลง 8%, HANA ลดลง 6% และ KCE ลดลง 3% บริษัทบางแห่งสามารถบรรเทาความเสี่ยงผ่านฐานการผลิตที่หลากหลายของตนได้ ตัวอย่างเช่น DELTA มีโรงงานที่อินเดีย HANA ในสหรัฐอเมริกา และบริษัท แคล-คอมพ์ อีเล็คโทรนิคส์ (ประเทศไทย) จำกัด (มหาชน) หรือ CCET ในหลายประเทศ สำหรับผลกระทบต่ออัตรากำไรปัจจุบัน จากความไม่แน่นอนของภาษีศุลกากร และความผันผวนของอุปสงค์ที่เพิ่มขึ้น โดย DELTA อัตรากำไรขั้นต้นสูง 11% สามารถช่วยให้ป้องกันแรงกดดันที่เพิ่มขึ้นได้ดีขึ้นเมื่อเทียบกับ KCE ที่ 10% HANA ที่ 4-5% และ CCET ที่ 2% ดังนั้น จึงมีการปรับราคาเป้าหมายใหม่ DELTA เป็น 55 บาท HANA ถูกปรับเป็น 15.50 บาท และ KCE ถูกปรับเป็น 15.50 บาท ซึ่งสะท้อนถึงความเสี่ยงที่สูงขึ้น