หุ้นกู้ RT

นายชวลิต ถนอมถิ่น ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท ไร้ท์ทันเน็ลลิ่ง จำกัด (มหาชน) หรือ RT เปิดเผยว่า บริษัทได้ทำการเสนอขายหุ้นกู้ RT โดยเปิดจองซื้อระหว่างวันที่ 21-23 ก.พ. 2566 ซึ่งได้รับกระแสตอบรับที่ดีเยี่ยม สามารถปิดยอดจองเต็มจำนวน 700 ล้านบาท จากนักลงทุนในกลุ่มสถาบัน และ นักลงทุนรายใหญ่ที่เล็งเห็นถึงศักยภาพการบริหารงานของบริษัท และมั่นใจในแผนพัฒนาประสิทธิภาพการดำเนินงานก่อสร้างท่ามกลางสถานการณ์ที่ส่งผลกระทบต่ออุตสาหกรรม ทั้งนี้การเสนอขายหุ้นกู้ บริษัท ไร้ท์ทันเน็ลลิ่ง จำกัด (มหาชน) ครั้งที่ 1/2566 อายุ 2 ปี มีอัตราดอกเบี้ยร้อยละ 6.20 ต่อปี จ่ายดอกเบี้ยทุก 3 เดือน ตลอดอายุหุ้นกู้ มูลค่ารวมไม่เกิน 500 ล้านบาท และมีหุ้นกู้สำรองเพิ่มเติมมูลค่ารวมไม่เกิน 200 ล้านบาท คิดเป็นมูลค่ารวมทั้งสิ้นไม่เกิน 700 ล้านบาท โดยมีผู้จัดการการจัดจำหน่ายหุ้นกู้จำนวน 5 แห่ง ได้แก่ บริษัทหลักทรัพย์ ซีจีเอส-ซีไอเอ็มบี (ประเทศไทย) จำกัด, บริษัทหลักทรัพย์ เมย์แบงก์ (ประเทศไทย) จำกัด (มหาชน), บริษัทหลักทรัพย์ โนมูระ พัฒนสิน จำกัด (มหาชน), บริษัทหลักทรัพย์ กรุงไทย เอ็กซ์สปริง จำกัด และ บริษัทหลักทรัพย์ ดาโอ (ประเทศไทย) จำกัด (มหาชน) ทั้งนี้ บริษัท ทริสเรทติ้ง จำกัด ได้จัดอันดับเครดิตความน่าเชื่อถือของบริษัท ไร้ท์ทันเน็ลลิ่ง จำกัด (มหาชน) อยู่ในเรทติ้ง ‘BBB-’ แนวโน้มอันดับเครดิต ‘ลบ’ เมื่อวันที่ 20 ธ.ค. 2565 ซึ่งสะท้อนถึงความสามารถในการแข่งขันที่แข็งแกร่ง และผลงานการก่อสร้างอุโมงค์และโครงสร้างใต้ดิน โดยทีมผู้บริหาร วิศวกร และนักธรณีวิทยาที่มีประสบการณ์ รวมถึงบริษัทมีอุปกรณ์และเครื่องจักรที่ครบครัน อีกทั้งการได้รับความไว้วางใจจากทั้งภาครัฐและเอกชน โดยบริษัทจะนำเงินที่ได้ไปลงทุนในโครงการก่อสร้างใหม่ทั้งในประเทศและต่างประเทศที่บริษัทเตรียมเข้าร่วมประมูลและรับงาน อีกทั้งใช้เป็นเงินทุนหมุนเวียนในการดำเนินกิจการ มุ่งเน้นการเพิ่มประสิทธิภาพงานก่อสร้างให้มีความรวดเร็ว และส่งมอบงานได้ตามกำหนดเวลา พร้อมกับการรับรู้รายได้อย่างต่อเนื่อง “บริษัทขอขอบคุณนักลงทุนสถาบัน และ นักลงทุนรายใหญ่ ที่ได้ให้ความไว้วางใจ และให้การตอบรับในการจองซื้อหุ้นกู้ของบริษัทครั้งนี้ รวมถึงขอบคุณบริษัท แอสเซท โปร แมเนจเม้นท์ จำกัด หรือ APM ในฐานะที่ปรึกษาทางการเงิน, ผู้จัดการการจัดจำหน่ายหุ้นกู้, บริษัท เอ็มเอสซี อินเตอร์เนชั่นแนล ลอว์ ออฟฟิศ จำกัด ในฐานะที่ปรึกษากฎหมาย และผู้ที่เกี่ยวข้องทุกภาคส่วน ซึ่งความสำเร็จครั้งนี้จะเป็นการต่อยอดธุรกิจให้มีความมั่นคงตามแผนการดำเนินงาน มุ่งเน้นการเพิ่มศักยภาพในการประมูลและเข้ารับงานโครงการก่อสร้างใหม่ที่สะท้อนราคาต้นทุนตามจริง โดยมีเป้าหมายขยายสัดส่วนงานต่างประเทศให้มากขึ้น 5-6% นอกจากนี้บริษัทยังคงพัฒนาประสิทธิภาพการดำเนินงาน พร้อมกับการบริหารจัดการต้นทุนและแรงงานก่อสร้างอย่างต่อเนื่อง เพื่อให้บริษัทสามารถรับรู้รายได้เติบโตตามเป้าหมายที่วางไว้” นายชวลิต กล่าว