หุ้นเรโนลต์

ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ตลาดหุ้นยุโรปปิดบวกในวันพุธ (5 ก.พ.68) หลังจากการซื้อขายที่ผันผวน โดยได้รับแรงหนุนจากหุ้นกลุ่มเฮลท์แคร์ (Healthcare) ที่ปรับตัวขึ้น ช่วยชดเชยการปรับตัวลงของหุ้นกลุ่มยานยนต์ ดัชนี CAC-40 (ฝรั่งเศส) ปิดที่ 7,891.68 จุด ลดลง 72 จุด หรือ -0.19% ดัชนี DAX (เยอรมนี) ปิดที่ 21,585.93 จุด เพิ่มขึ้น 23 จุด หรือ +0.37% ดัชนี FTSE 100 (ลอนดอน) ปิดที่ 8,623.29 จุด เพิ่มขึ้น 52 จุด หรือ +0.61% หุ้นกลุ่มเฮลท์แคร์ในยุโรปพุ่งขึ้น 2.1% โดยได้รับแรงหนุนจากผลประกอบการที่แข็งแกร่งของบริษัทชั้นนำในอุตสาหกรรม อย่าง หุ้นโนโว นอร์ดิสค์ (Novo Nordisk) ทะยานขึ้น 4.54% หลังรายงานกำไรไตรมาส 4 สูงเกินคาด อยู่ที่ 4.4 พันล้านดอลลาร์ เป็นผลจากยอดขายยาลดน้ำหนัก เวโกวี (Wegovy) เพิ่มขึ้นมากกว่า 2 เท่า ขณะเดียวกัน หุ้นของ จีเอสเค (GSK) บริษัทยาของอังกฤษ พุ่งขึ้น 7.6% หลังประกาศแผน ซื้อหุ้นคืนวงเงิน 2.5 พันล้านดอลลาร์ อย่างไรก็ตาม หุ้นกลุ่มรถยนต์ร่วงลง 1.4% สวนทางตลาด โดยได้รับแรงกดดันจากข่าวลบในอุตสาหกรรม โดย หุ้นเรโนลต์ (Renault) ดิ่งลง 2.6% หลังสื่อญี่ปุ่นตีข่าวแพร่สะพัดในวันอังคารว่า นิสสัน (Nissan) อาจยกเลิกการเจรจาควบรวมกิจการ กับ ฮอนด้า (Honda) ซึ่งสร้างความกังวลต่อนักลงทุน ทั้งนี้ ตลาดหุ้นยุโรปยังคงเคลื่อนไหวอย่างผันผวน ท่ามกลางปัจจัยที่ส่งผลกระทบต่อหุ้นรายกลุ่ม โดยข้อมูลเจาะลึกจากบริษัท London Stock Exchange Group (LSEG) ระบุว่า จนถึงวันที่ 4 ก.พ.68 มีบริษัท 67 แห่ง ในดัชนี STOXX 600 รายงานผลประกอบการไตรมาส 4 ออกมาแล้ว ซึ่ง 53.7% รายงานผลประกอบการดีกว่าที่นักวิเคราะห์คาดการณ์ไว้ และใกล้เคียงกับค่าเฉลี่ยปกติที่ 54% ขณะเดียวกัน บรรดานักลงทุนยังคงจับตา แนวโน้มนโยบายการเงินของธนาคารกลางยุโรป (ECB) โดยเฉพาะการประเมิน อัตราดอกเบี้ยในระดับปกติ (neutral rate) ซึ่งเป็นอัตราดอกเบี้ยที่เอื้อต่อการจ้างงานเต็มที่และเงินเฟ้อที่มีเสถียรภาพ ซึ่ง ECB จะเปิดเผยในวัน ศุกร์ที่ 7 ก.พ. นี้ เนื่องจากอาจเป็นปัจจัยชี้นำแนวทางการดำเนินนโยบายการเงินในอนาคต โดยตลาดคาดการณ์ว่า ECB อาจมีการส่งสัญญาณเกี่ยวกับการปรับลดอัตราดอกเบี้ยในปีนี้ หากเศรษฐกิจและเงินเฟ้อมีแนวโน้มชะลอตัวลง โดยแนวโน้มของ ECB จะส่งผลต่อบรรยากาศการลงทุนในตลาดยุโรป โดยเฉพาะหุ้นกลุ่มธนาคารและสินทรัพย์เสี่ยงที่อ่อนไหวต่ออัตราดอกเบี้ย