หุ้น Apple

ผู้สื่อข่าวรายงานว่า วันนี้ (9 เม.ย.68) ตั้งแต่เวลา 11:00 น. ตามเวลาในประเทศไทย ภาษีตอบโต้ (Reciprocal Tariff) ภายใต้การนำของประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ จะเริ่มมีผลบังคับใช้กับประเทศคู่ค้าทั่วโลกของสหรัฐอเมริกา ล่าสุด ทำเนียบขาว ได้ประกาศปรับขึ้นอัตราภาษีนำเข้าสินค้าจากจีนอย่างมีนัยสำคัญถึง 104% จากเดิม 54% โดยจะเริ่มมีผลบังคับใช้ตามกำหนดการในวันนี้ มาตรการดังกล่าวเป็นส่วนหนึ่งของ “ภาษีตอบโต้” (Reciprocal Tariff) ที่สหรัฐฯ ประกาศใช้กับประเทศคู่ค้าทั่วโลก โดยมีเป้าหมายหลัก เพื่อตอบโต้จีนที่ยังคงเรียกเก็บภาษีตอบโต้สินค้าจากสหรัฐฯ และแสดงท่าทีไม่ถอย แม้มีการเจรจาอย่างต่อเนื่องในช่วงหลายเดือนที่ผ่านมา แคโรไลน์ ลีวิตต์ เลขาธิการด้านสื่อประจำทำเนียบขาว เปิดเผยว่า การปรับขึ้นภาษีในครั้งนี้เป็นการยกระดับจากอัตราเดิมที่ 54% ซึ่งเพิ่งประกาศไปเมื่อต้นสัปดาห์ที่ผ่านมา โดยหวังส่งสัญญาณถึงจีนว่า สหรัฐฯ พร้อมปกป้องผลประโยชน์ทางการค้าอย่างถึงที่สุด จีนประกาศตอบโต้สหรัฐฯ ทันทีที่ทรัมป์เรียกเก็บภาษีตอบโต้ 34% โดยกระทรวงการคลังจีน แถลงเมื่อวันที่ 4 เม.ย.ที่ผ่านมาว่า เตรียมเรียกเก็บภาษีนำเข้าสินค้าจากสหรัฐฯ เพิ่มอีก 34% โดยจะมีผลตั้งแต่วันที่ 10 เม.ย.นี้ แรงสั่นสะเทือนจากการตอบโต้ดังกล่าวเริ่มส่งผลกระทบต่อภาคธุรกิจสหรัฐฯ โดยตรง โดยเฉพาะ Apple Inc. หนึ่งในบริษัทยักษ์ใหญ่ด้านเทคโนโลยี ที่มีฐานการผลิตจำนวนมากในจีน ราคาหุ้น Apple ปรับตัวลดลงอย่างแรง ปิดตลาดในวันอังคาร (8 เม.ย.68) ที่ 172.42 ดอลลาร์ ลดลง 9.04 ดอลลาร์ หรือ -4.98% นักวิเคราะห์เตือนว่า หากสถานการณ์ทวีความตึงเครียดยิ่งขึ้น Apple อาจจำเป็นต้องเร่งกระจายฐานการผลิตไปยังประเทศที่มีต้นทุนภาษีต่ำกว่า เพื่อป้องกันผลกระทบจากความขัดแย้งที่ยังไม่มีทีท่าว่าจะจบลงในเร็ววัน