หุ้น GUNKL

ผู้สื่อข่าวรายงานว่า เมื่อวันที่ (28 มี.ค. 2567) ศาลปกครองสูงสุดมีคำสั่งกลับคำสั่งของศาลปกครองชั้นต้นเป็นให้ยกคำขอของบริษัท วินด์ ขอนแก่น 2 จำกัด ในกลุ่มบริษัท พลังงานบริสุทธิ์ จำกัด (มหาชน) หรือ EA ที่ขอให้ทุเลาการบังคับตามมติของคณะกรรมการกำกับกิจการพลังงาน (กกพ.) ที่ให้ความเห็นชอบผลการคัดเลือกผู้ยื่นขอผลิตไฟฟ้า 175 ราย เฉพาะส่วนที่ไม่มีรายชื่อของวินด์ ขอนแก่น 2 และประกาศสำนักงานคณะกรรมการกำกับกิจการพลังงาน เรื่อง รายชื่อผู้ยื่นขอผลิตไฟฟ้าที่ได้รับการคัดเลือกตามระเบียบคณะกรรมการกำกับกิจการพลังงานว่าด้วยการจัดหาไฟฟ้าจากพลังงานหมุนเวียนในรูปแบบ Feed-in Tariff (FiT) ปี 2546-2573 สำหรับกลุ่มไม่มีต้นทุนเชื้อเพลิง เฉพาะในส่วนที่ไม่มีรายชื่อของวินด์ ขอนแก่น 2 โดยศาลปกครองสูงสุดจึงมีคำสั่งยกคำขอของสำนักงานกกพ.และคณะกรรมการกกพ.ที่ขอให้ระงับคำสั่งของศาลปกครองชั้นต้น ที่สั่งทุเลาการบังคับตามคำสั่งทางปกครองไว้เป็นการชั่วคราวก่อนการวินิจฉัยอุทธรณ์และมีคำสั่งกลับคำสั่งของศาลปกครองชั้นต้น เป็นให้ยกคำขอของวินด์ ขอนแก่น 2 ที่ขอให้ศาลมีคำสั่งทุเลาการบังคับตามมติของกกพ. สำหรับประเด็นดังกล่าวส่งผลให้เกิดแรงกระเพื่อมในหุ้นกลุ่มผู้ชนะประมูลโรงไฟฟ้าพลังงานลม โดยเฉพาะหุ้นบริษัท กัลฟ์ เอ็นเนอร์จี ดีเวลลอปเมนท์ จำกัด (มหาชน) หรือ GULF ที่ชนะประมูลพลังงานทดแทนรอบแรกมากที่สุด โดยเฉพาะโรงไฟฟ้าพลังงานลมกว่า 1,000 เมกะวัตต์ ราคาหุ้น GULF วานนี้ปรับตัวเพิ่มขึ้น 0.57% มาปิดที่ 43.75 บาท ด้วยมูลค่าซื้อขาย 445 ล้านบาท สวนทิศทางดัชนีตลาดหุ้นไทยที่ลดลง 10.49 จุด มาปิดที่ 1,370.34 จุด แหล่งข่าวจากกกพ. เปิดเผยว่า หลังศาลปกครองสูงสุดมีคำสั่งกลับคำสั่งของศาลปกครองกลาง เป็นให้ยกคำขอของบริษัท วินด์ ขอนแก่น 2 จำกัด ขนาด 90 เมกะวัตต์ ของกลุ่ม EA ทำให้โครงการโรงไฟฟ้าพลังงานลมที่ได้รับคัดเลือกรอบแรก จำนวน 22 โครงการ รวม 1,490.20 เมกะวัตต์ จะสามารถเดินหน้าต่อไปได้ โดยก่อนหน้านี้ เมื่อวันที่ 7 ธันวาคม 2566 ศาลปกครองเพชรบุรี ยกฟ้อง กกพ. คดีบริษัท เทพสถิต วินด์ฟาร์ม จำกัด ขนาด 90 เมกะวัตต์ ไปแล้ว แต่ตอนนี้ยังเหลือรอคำตัดสินโครงการวินด์ กาฬสินธุ์ 2 ขนาดกำลังการผลิต 90 เมกะวัตต์ หากศาลยกคุ้มครองชั่วคราวเช่นกัน ทางกกพ.จะสามารถลงนาม PPA โครงการพลังงานลมจำนวน 22 โครงการต่อไปได้ ด้านนางสาวยุพาพิน วังวิวัฒน์ รองประธานเจ้าหน้าที่บริหาร และประธานเจ้าหน้าที่บริหารด้านการเงิน GULF เปิดเผยว่า บริษัทพร้อมลงนามสัญญาพลังงานลมที่บริษัทชนะประมูลก่อนหน้านี้ หลังจากที่ศาลทยอยตัดสินคดี และเหลืออีกไม่กี่โครงการที่ยังค้างอยู่ที่ศาลฯ หลังจากนั้นก็จะสามารถลงนามกับการไฟฟ้าฝ่ายผลิตแห่งประเทศไทยได้ อย่างไรก็ตามก่อนหน้านี้ ศาลปกครองเพชรบุรีได้ยกฟ้องกกพ. คดีเทพสถิต วินด์ฟาร์ม คดีพิพาทเกี่ยวกับการที่เจ้าหน้าที่ของรัฐออกคำสั่งโดยไม่ชอบด้วยกฎหมายไว้เป็นการชั่วคราว ทำให้คำสั่งทุเลาบังคับสิ้นสุด และล่าสุดศาลปกครองสูงสุดมีคำสั่งกลับคำสั่งของศาลปกครองชั้นต้นเป็นให้ยกคำขอของบริษัท วินด์ ขอนแก่น 2 จำกัด ดังนั้นคงยังเหลืออีกเพียง 1 คดี คือกรณีศาลปกครองกลางมีคำสั่งคุ้มครองชั่วคราวคดีพิพาทระหว่างบริษัท วินด์ กาฬสินธุ์ 2 จำกัด ซึ่งเป็นบริษัทย่อยของบมจ.พลังงานบริสุทธิ์ (EA) ส่วนการประมูลพลังงานทดแทนรอบใหม่อีก 3,660 เมกะวัตต์ นางสาวยุพาพินเชื่อว่าจะเกิดขึ้นในอีกไม่กี่เดือนข้างหน้านี้ หลังจากมีความชัดเจนในหลายคดีพิพาทที่ผ่านมา ขณะที่นายสุวัฒน์ สินสาฎก รองประธานเจ้าหน้าที่บริหาร สายงานธุรกิจหลักทรัพย์ลูกค้าสถาบัน บริษัทหลักทรัพย์ บียอนด์ จำกัด (มหาชน) เชื่อว่าศาลจะยกฟ้องคดีที่เกี่ยวข้องกับพลังงานลมทั้งหมดภายในเร็ว ๆ นี้ ทำให้กัลฟ์สามารถเซ็นสัญญากับกฟผ.ได้ โดยเฉพาะพลังงานลม อย่างไรก็ตามก่อนหน้านี้กัลฟ์ได้ทยอยเซ็นพลังงานแสงอาทิตย์ไปมากแล้ว “ผมเชื่อว่าราคาของหุ้น GULF จะเริ่มทยอยปรับขึ้นในเดือน เม.ย.นี้ และทะลุแนวต้านที่ 50 บาทได้ หลังจากราคาทรงตัวมานาน รวมทั้งหุ้นกลุ่มโรงไฟฟ้าที่มีแนวโน้มดีขึ้นในปีนี้ จากราคาค่าไฟฟ้าที่ไม่ได้ปรับลดลง ขณะที่ราคาก๊าซลดลง” นายสุวัฒน์ กล่าว นอกจากนี้ โรงไฟฟ้าที่ GULF ชนะประมูล จะเริ่มทยอย COD ภายใน 2-3 ปีข้างหน้า มีอีกหลายโครงการ ทั้งพลังงานแสงอาทิตย์ พลังงานลม และโรงไฟฟ้าจากขยะ รวมกว่า 3-4 พันเมกะวัตต์ จึงมองว่าผลการดำเนินงานของกัลฟ์จะปรับตัวดีขึ้นอย่างมีนัยสำคัญ ส่วนนักวิเคราะห์ บริษัทหลักทรัพย์ กรุงศรี พัฒนสิน จำกัด (มหาชน) มองว่าผลการตัดสินของศาลในคดีวินด์ฟาร์ม ค่อนข้างจะมีความชัดเจนว่าจะออกมาในแนวทางเดียวกัน โดยศาลยกฟ้องฯ ทำให้ตลาดคาดการณ์ได้ว่า การเปิดประมูล PPA รอบสองจะเกิดขึ้นได้อีกไม่นานนี้ ซึ่งเป็นปัจจัยบวกต่อหุ้นกลุ่มโรงไฟฟ้าทั้งหมด โดยเฉพาะกลุ่มที่ชนะประมูลรอบแรก โดยเกณฑ์การประมูลรอบที่สองมีแนวโน้มว่าจะให้สิทธิกับผู้ที่ผ่านเกณฑ์คุณสมบัติรอบแรก แต่ไม่ได้รับคัดเลือก มากกว่าผู้ที่ไม่ผ่านเกณฑ์คุณสมบัติในรอบแรก ทำให้คาดว่า GULF จะมีโอกาสสูงที่จะชนะประมูลในรอบที่สองนี้เพิ่มขึ้นเมื่อเทียบกับรายอื่น สำหรับราคาเป้าหมาย GULF อยู่ที่ 45.50 บาท, บริษัท กันกุลเอ็นจิเนียริ่ง จำกัด (มหาชน) หรือ GUNKUL ราคาเป้าหมาย 3.66 บาท, บริษัท บี.กริม เพาเวอร์ จำกัด (มหาชน) หรือ BGRIM ราคาเป้าหมาย 31.7 บาท และบริษัท โกลบอล เพาเวอร์ ซินเนอร์ยี่ จำกัด (มหาชน) หรือ GPSC ราคาเป้าหมาย 65 บาท