หุ้นRT

ผู้สื่อข่าวรายงานว่า บริษัท ไร้ท์ทันเน็ลลิ่ง จำกัด (มหาชน) หรือ RT ณ เวลา15:26 น. อยู่ที่ระดับ 0.31 บาท บวก 0.06 บาท หรือ 24.00% ราคาสูงสุด 0.32 บาท ด้วยมูลค่าซื้อขาย 4.71 ล้านบาท โดยก่อนหน้านี้นายไชยา วงศ์ลาภพานิช กรรมการผู้จัดการ RT เปิดเผยว่า ในปี 2568 บริษัทตั้งเป้ารายได้เติบโต 20% จากปีก่อนหน้าที่มีรายได้รวม 3,635.78 ล้านบาท และตั้งเป้าอัตรากำไรขั้นต้น (Gross Profit Margin) ที่ 14-15% ขณะกำไรสุทธิน่าจะเติบโต 2-3% จากปี 2567 ที่มีกำไรสุทธิ 71.15 ล้านบาท ทั้งนี้ในปี 2568 บริษัทวางแผนเข้าประกวดราคาโครงการก่อสร้างหลากหลาย โดยโครงการที่บริษัทให้ความสนใจและติดตามอย่างใกล้ชิดคือ งานก่อสร้างอุโมงค์ถนน กะทู้-ป่าตอง จ.ภูเก็ต (ระยะที่ 1 ช่วงกะทู้-ป่าตอง), งานก่อสร้างอุโมงค์รถไฟทางคู่ ปากน้ำโพ-เด่นชัย, งานก่อสร้างอุโมงค์รถไฟทางคู่ เด่นชัย-เชียงใหม่ และงานอุโมงค์นำสายไฟฟ้าลงใต้ดินของการไฟฟ้านครหลวง มูลค่ารวมประมาณ 13,000 ล้านบาท ซึ่งจะเป็นโอกาสสำคัญในการขยายสัดส่วนงานและสร้างการเติบโตให้กับบริษัทต่อไป นอกจากนี้บริษัทยังได้ปรับกลยุทธ์การทำงาน ด้วยการรับงานระยะสั้นมากขึ้น เพื่อรับรู้รายได้เร็ว ช่วยเพิ่มสภาพคล่อง และบริหารจัดการกระแสเงินสดได้ดีขึ้น ซึ่งปัจจุบันบริษัทมีการรับงานระยะสั้นรวม 13 โครงการ มูลค่า 782 ล้านบาท รวมทั้งมีการวางแผนบริหารจัดการโครงการก่อสร้างอย่างมีประสิทธิภาพ ควบคุมต้นทุนอย่างเข้มงวด โดยเฉพาะต้นทุนวัสดุก่อสร้างและค่าแรงงาน รวมถึงการวางแผนจัดซื้อวัสดุในปริมาณมาก เช่น การจัดซื้อโดยตรงกับผู้ผลิตในต่างประเทศ การทำสัญญาซื้อขายระยะยาวกับผู้ผลิตคอนกรีต เพื่อควบคุมต้นทุน ลดความเสี่ยงจากความผันผวนของราคาวัตถุดิบ และเพิ่มความสามารถการทำกำไร ทั้งนี้ ณ วันที่ 31 ธันวาคม 2567 บริษัทมีงานที่รอรับรู้รายได้ (แบ็กล็อก) จำนวน 22 โครงการ มูลค่ารวม 5,796 ล้านบาท ในจำนวนนี้เป็นงานอุโมงค์มากสุดถึง 54% มูลค่า 3,134 ล้านบาท โดยแบ็กล็อกทั้งหมดดังกล่าวจะทยอยรับรู้รายได้จนถึงปี 2571 ซึ่งการดำเนินงานก่อสร้างมีความคืบหน้าตามแผนที่วางไว้ และในบางโครงการสามารถดำเนินการได้เร็วกว่าแผนที่กำหนด โดยได้รับความร่วมมือจากหน่วยงานราชการและชุมชนเป็นอย่างดี ทำให้มั่นใจว่าจะสามารถส่งมอบโครงการได้ตรงตามเป้าหมาย ขณะเดียวกันการที่บริษัทสามารถชำระคืนหุ้นกู้ (RT252A) และดอกเบี้ย รวม 709 ล้านบาทได้ตามกำหนดเมื่อวันที่ 24 กุมภาพันธ์ที่ผ่านมา ยังเป็นการสร้างความเชื่อมั่นต่อศักยภาพธุรกิจ พร้อมบริหารสภาพคล่องได้อย่างมีประสิทธิ ภาพ เพื่อการเติบโตอย่างต่อเนื่อง