หุ้นSET100

นายสุทธิชัย คุ้มวรชัย หัวหน้าฝ่ายกลยุทธ์การลงทุน บริษัทหลักทรัพย์ อินโนเวสท์ เอกซ์ จำกัด (มหาชน) หรือ INVX เปิดเผยในรายการ “ข่าวหุ้นเจาะตลาด” วันนี้ (10 มี.ค.68) ว่า ตลาดหุ้นไทยในสัปดาห์ที่ผ่านมาเผชิญกับความผันผวนอย่างต่อเนื่อง และมีแนวโน้มว่าสัปดาห์นี้จะยังคงเผชิญความผันผวนอยู่ อย่างไรก็ตาม เริ่มมีปัจจัยบวกเข้ามาบ้างในบางจุด ซึ่งยังต้องติดตามความคืบหน้าของมาตรการที่ตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทยพยายามผลักดัน รวมถึงมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจที่คาดว่าจะมีการประกาศเพิ่มเติมภายใน 1-2 วันนี้ สำหรับปัจจัยต่างประเทศ ความไม่แน่นอนของสงครามการค้ายังคงเป็นปัจจัยกดดันต่อตลาดหุ้นทั่วโลก รวมถึงตลาดหุ้นไทย ขณะที่นักลงทุนต่างชาติยังคงมีแรงขายต่อเนื่อง ทั้งในตลาดหุ้นต่างประเทศและตลาดหุ้นไทย ส่งผลให้ภาวะการลงทุนยังคงมีความเสี่ยง ขณะที่ปัจจุบันตลาดหุ้นไทยซื้อขายที่ระดับ P/E 13 เท่า โดยบริเวณ 1,200 จุด ลงมา ถือเป็นระดับที่สามารถทยอยเข้าสะสมหุ้นได้ แต่ควรเป็นการสะสมแบบ Selective โดยแนะนำให้เน้นหุ้นที่มีปัจจัยพื้นฐานแข็งแกร่ง มีแนวโน้มการเติบโต และให้ผลตอบแทนจากเงินปันผลที่ดี ซึ่งขณะนี้มีหลายบริษัทที่ราคาหุ้นปรับตัวลงมาอยู่ในระดับ Valuation ที่ต่ำมาก ด้านกลยุทธ์การลงทุนวันนี้ แนะนำ 1.หุ้น Undervalued สำหรับการลงทุน แนะนำให้เลือกลงทุนในหุ้นกลุ่ม SET100 ที่มีแนวโน้มเป็นเป้าหมายของกองทุน โดยพิจารณาตามเกณฑ์ดังต่อไปนี้: กำไรปี 2568 คาดเติบโตเมื่อเทียบกับปีก่อนหน้า (YoY), ฐานะทางการเงินแข็งแกร่ง มีความสามารถในการจ่ายดอกเบี้ยสูง (Interest Coverage Ratio > 1), Valuation ไม่แพง โดยพิจารณา PER และ PBV ปี 2568 ต่ำกว่าค่าเฉลี่ย -1SD, ศักยภาพการจ่ายปันผลสม่ำเสมอ คาดการณ์ Dividend Yield อย่างน้อย 2% และมีคะแนน SET ESG Rating ระดับ A-AAA หุ้นที่แนะนำ ได้แก่ บริษัท ซีพี ออลล์ จำกัด (มหาชน) หรือ CPALL, บริษัท กรุงเทพดุสิตเวชการ จำกัด (มหาชน) หรือ BDMS, บริษัท เมืองไทย แคปปิตอล จำกัด (มหาชน) หรือ MTC, บริษัท ไมเนอร์ อินเตอร์เนชั่นแนล จำกัด (มหาชน) หรือ MINT และ บริษัท เบทาโกร จำกัด (มหาชน) หรือ BTG 2.หุ้นปันผลคุณภาพดี เหมาะสำหรับนักลงทุนที่มองหาผลตอบแทนจากเงินปันผล โดยเลือกหุ้นที่มีคุณสมบัติดังนี้: มีประวัติการจ่ายปันผลต่อเนื่องอย่างน้อย 20 ปี และมีคะแนน SET ESG Rating ระดับ A-AAA, คาดการณ์การจ่ายเงินปันผลจากกำไรปี 2567 หลังหักจ่ายระหว่างกาลแล้ว ให้ Dividend Yield เกิน 4% และมีแนวโน้มที่ Dividend Payout Ratio จะทรงตัวหรือเพิ่มขึ้น, ผลประกอบการปี 2568 มีแนวโน้มเติบโตแข็งแกร่ง และยังมีอัพไซด์ (Upside) เกิน 15% หุ้นที่แนะนำ ได้แก่ บริษัท เอพี (ไทยแลนด์) จำกัด (มหาชน) หรือ AP, ธนาคารกรุงไทย จำกัด (มหาชน) หรือ KTB และ ธนาคารกรุงเทพ จำกัด (มหาชน) หรือ BBL