อนุกูล ปีดแก้ว

ผู้สื่อข่าวรายงานว่า จากกรณีบริษัท Resecurity เว็บไซต์ผู้ให้บริการด้านความปลอดภัยบนไซเบอร์ รายงานว่า ช่วงเดือน ม.ค. 2567 มีข้อมูลที่ใช้ระบุตัวบุคคลของคนไทยเกือบ 20 ล้านชุดข้อมูลรั่วไหล ส่วนใหญ่มาจากกระทรวงการพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์ และถูกประกาศขายบนฟอรัมซื้อขายข้อมูลผิดกฎหมาย โดยเป็นข้อมูลจากกรมกิจการผู้สูงอายุมากถึง 19.7 ล้านแถวข้อมูล สำหรับแหล่งที่มาของข้อมูลที่รั่วไหลครั้งนี้ มาจาก 5 แหล่ง นำโดย กรมกิจการผู้สูงอายุ รั่วไหลมากที่สุดถึง 19.7 ล้านแถวข้อมูล, ข้อมูลที่อ้างว่าเป็นข้อมูลส่วนตัวของเจ้าหน้าที่กองทัพเรือกว่า 45,000 นาย, ชุดข้อมูลที่อ้างว่าเป็นข้อมูลพื้นฐานส่วนบุคคลและประวัติคำสั่งซื้อจากศูนย์หนังสือจุฬาฯ จากผู้ใช้งาน 160,000 ราย, ข้อมูลส่วนตัวของผู้ลงทะเบียนหางานทางออนไลน์กว่า 61,000 ชุดข้อมูล และข้อมูลส่วนตัวของผู้ใช้เว็บไซต์ของเอกชนอีกหลายหมื่นชุดข้อมูลต่อ 1 เว็บ นายอนุกูล ปีดแก้ว ปลัดกระทรวงการพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์ (พม.) กล่าวว่า รัฐมนตรีได้กำชับเร่งด่วน โดยสั่งการให้ผู้เชี่ยวชาญเร่งตรวจสอบว่าเกิดการรั่วของข้อมูลในส่วนไหน เป็นข้อมูลประเภทใด โดยจะตรวจสอบทุกระบบของกระทรวง ไม่เพียงเฉพาะกรมกิจการผู้สูงอายุ โดยเฉพาะเรื่องความปลอดภัยของข้อมูลส่วนบุคคลที่เป็นผู้รับบริการของกระทรวงพม. รัฐมนตรียังสั่งการสแกนเรื่องการทำงานยกระดับเรื่องของความปลอดภัยของข้อมูลทั้งระบบ ในกระทรวงฯ ด้วย ขณะที่ ล่าสุดพบว่ากระทรวงดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคมได้รับงบประมาณเพิ่มขึ้นมากที่สุด จาก 6,700 ล้านบาท เป็น 8,800 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 30% โดยการลงทุนของภาครัฐ ด้านดิจิทัลจะมีมากขึ้นช่วงปีนี้ โดยเฉพาะด้านไซเบอร์ซีคิวริตี้ หรือ Cyber Security หลังจากเกิดข้อมูลรั่วไหลในหลายหน่วยงานที่ผ่านมา ทั้งนี้ หุ้นที่คาดการณ์ว่าจะได้รับปัจจัยบวกจากกรณีดังกล่าว ได้แก่ บริษัท เบริล 8 พลัส จำกัด (มหาชน) หรือ BE8 เนื่องจากบริษัททำธุรกิจที่ปรึกษาด้าน Digital Transformation ให้บริการแบบครบวงจรในด้านการบริหารจัดการความสัมพันธ์กับลูกค้า (CRM) การวิเคราะห์ข้อมูลและเทคโนโลยีดิจิทัล และเป็นตัวแทนจำหน่ายซอฟต์แวร์ของบริษัทชั้นนำ เช่น Salesforce, Google, MuleSoft, และ Tableau โดย BE8 มีฐานลูกค้าส่วนใหญ่อยู่ในกลุ่มภาครัฐ ดังนั้นการที่กระทรวงดิจิทัลได้รับงบระมาณเพิ่มขึ้นเพื่อยกระดับเรื่องความปลอดภัยของข้อมูลในระบบ จึงมีโอกาสที่ BE8 จะได้รับงานเพิ่มเติมจากในส่วนนี้ อีกทั้งก่อนหน้านี้ ยังมีรายงานข่าวว่า Google และ Microsoft ประกาศลงทุนในไทยเม็ดเงินรวม 2.0 แสนล้านบาท (1 แสนล้านบาท เท่าๆ กัน) หรือราว 5.6 พันล้านเหรีญฯ โดย Microsoft เน้นลงทุน Data Center และพลังงานสะอาด ส่วน Google เน้นโครงสร้างพื้นฐาน Digital ในส่วน Data Center เช่นเดียวกัน และครอบคลุมฝั่ง AI นอกจากนี้ การที่ BE8 มีพันธมิตรยักษ์ใหญ่อย่าง บริษัท เบย์ คอมพิวติ้ง จำกัด (เบย์คอม) ซึ่งเป็นผู้นำ Cyber Security อันดับต้นๆ ของประเทศ จะช่วยยิ่งช่วยตอบโจทย์ความต้องการขององค์กรธุรกิจในทุกๆ มิติของการทำ Digital Transformation ซึ่งจะช่วยสนับสนุนให้บริษัทก้าวเป็นผู้นำอุตสาหกรรมในระดับภูมิภาคได้อย่างแน่นอน รวมถึงคาดว่าผลประกอบการจะเติบโตก้าวกระโดดได้ในอนาคต ขณะที่ราคาหุ้นวันนี้ (14 ก.พ.67) ปิดปรับตัวลดลง 1.75 บาท หรือ 5.88% มาที่ 28 บาท ถือเป็นโอกาสในการเข้าช้อนซื้อ เนื่องจากมีบริษัทหลักทรัพย์ให้ราคาเป้าหมายสูงสุดของ BE8 ไว้ที่ 51.20 บาท คิดเป็นอัพไซด์ที่สูงราว 83% พร้อมมองว่า โดย บริษัทหลักทรัพย์ กรุงศรี พัฒนสิน จำกัด มองกำไรไตรมาส 4/66 จะฟื้นตัวเล็กน้อยจากไตรมาสก่อนได้จากการเข้าสู่ช่วงฤดูกาล BAYCOMS ขณะที่ปี 67 แรงขับเคลื่อนงานภาครัฐฯ ที่เคยล่าช้าจะค่อยๆ กลับมา และเมื่อแนวทางขับเคลื่อนโครงการต่างๆ ชัดเจนขึ้น โดยเฉพาะการนำระบบดิจิทัลไปใช้ในส่วนงานต่างๆ ของรัฐบาล ทำให้ฝ่ายวิจัยยังคาดการณ์กำไรปี 66 ที่ 280 ล้านบาท เติบโต 101% และเพิ่มขึ้นอีก 51% ในปี 67 ทั้งนี้ ประมาณการดังกล่าวยังไม่รวมแผน BE8 ประกาศแผนสปินออฟขายหุ้นไอพีโอของ BAYCOMS