อีพีสตาร์

ทำเอาตื่นตูมกันใหญ่..!! อยู่ ๆ เมื่อต้นสัปดาห์ก่อน หุ้นบริษัท ไทยคม จำกัด (มหาชน) หรือ THCOM ก็วิ่งปรู๊ดปร๊าดขึ้นมาตั้ง 15.38% ด้วยมูลค่าการซื้อขายที่หนาแน่นกว่า 1,700 ล้านบาท... หลังมีมติครม.เมื่อวันที่ 7 ก.ย. 2564 ให้บริษัท อินทัช โฮลดิ้งส์ จำกัด (มหาชน) หรือ INTUCH ถือหุ้น THCOM เพิ่มจาก 41.13% เป็นไม่น้อยกว่า 51%... จากมติดังกล่าว ทำให้เก็งกันว่า INTUCH ต้องซื้อหุ้น THCOM เพิ่มแน่ ๆ (ซื้อเพิ่มอีกราว 9.9%) เลยมีการเข้าไปดักเก็บหุ้น THCOM กันก่อน... แต่ในมุม INTUCH เท่ากับงานเข้าจัง ๆ เพราะนั่นหมายความว่า INTUCH ต้องเสียเงินโดยใช่เหตุ...โอเค แม้ไม่กระทบต่อกระแสเงินสดของ INTUCH แต่ถ้านำเงินดังกล่าวไปใช้ขยายธุรกิจ เพื่อสร้างมูลค่าเพิ่มกลับมาสู่บริษัทและผู้ถือหุ้น จะไม่ดีกว่าเหรอ... เอ๊ะ...ว่าแต่ครม.อาศัยอำนาจอะไรที่จะไปบังคับให้บริษัทเอกชนปฏิบัติตาม..? อย่าลืมว่า มติครม.ไม่ใช่กฎหมายนะ ฉะนั้นเอกชนจะทำตามหรือไม่ทำก็ได้... ที่สำคัญ INTUCH กับ THCOM เป็นบริษัทจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์ฯ จะทำอะไรก็ต้องขอมติผู้ถือหุ้นเสียก่อน..? เพราะฉะนั้นครม.จะไปสั่งให้บริษัทเอกชนทำตามอำเภอใจ...เรื่องนี้ไม่น่าจะทำได้ ขณะที่ INTUCH ก็แจ้งตลาดฯ ว่า จะดำเนินการใด ๆ ต้องผ่านบอร์ดและความเห็นชอบจากผู้ถือหุ้นก่อน... เมื่อส่อเค้าว่าไม่เป็นไปตามที่คาดหวัง นักลงทุนเลยพากันเทหุ้น THCOM กันจ้าละหวั่น...ประกอบกับถูกตลาดฯ จับขังคุกแคชบาลานซ์ตั้งแต่วันที่ 8 ก.ย.-28 ก.ย. 2564 จึงช่วยดับร้อนหุ้น THCOM ไปโดยปริยาย... ล่าสุด “ชัยวุฒิ ธนาคมานุสรณ์” เจ้ากระทรวงดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคม (ดีอีเอส) ในฐานะคนต้นเรื่อง (ชงเรื่องเข้าครม.) ระบุชัดว่า มติครม.ไม่ได้บังคับให้ INTUCH ซื้อหุ้น THCOM เพิ่มแต่อย่างใด เพียงแต่เรื่องดังกล่าวค้างคามาหลายปี หลังจากศาลฎีกาแผนกคดีอาญาของผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมืองวินิจฉัยว่า เป็นการกระทำที่เอื้อประโยชน์ให้แก่ SHIN (หรือ INTUCH ในปัจจุบัน) และ THCOM จึงให้แก้สัญญากลับไปเป็นไม่ต่ำกว่า 51% เหมือนเดิม กระทั่งตนเข้ามารับตำแหน่งจึงหยิบยกเข้าครม. เพื่อให้ครบถ้วนตามกระบวนกฎหมายเท่านั้น โดยเรื่องนี้ไม่มีผลต่อการโอนทรัพย์สินให้บริษัท โทรคมนาคมแห่งชาติ จำกัด (มหาชน) หรือ NT ซึ่งดำเนินการไปแล้วตั้งแต่วันที่ 11 ก.ย. 2564 ที่ผ่านมา ส่วนกรณีดาวเทียมไทยคม 4 (อีพีสตาร์) ซึ่งเคยถูกคำพิพากษาให้เป็นดาวเทียมนอกสัญญา หรือดาวเทียมเถื่อน ทำให้ไม่สามารถรับมอบสินทรัพย์มาได้...จึงให้ครม.มีมติรับรองให้เป็นดาวเทียมในสัญญาสัมปทานเสียก่อน เพื่อให้กระทรวงดีอีเอสสามารถรับมอบทรัพย์สินมาได้ โดยไม่ผิดกฎหมาย และป้องกันการฟ้องร้องเอาผิดกันภายหลัง... แหม๊...ครม.กะจะเล่นบทมัดมือชกกันเลยหรือเนี่ย...ง่ายไปป๊ะ..? อย่างนี้ก็เข้าทำนอง อยากได้...แต่ไม่ยอมเสียน่ะสิ... ดู ๆ ไปก็ไม่ต่างจากเกลียดตัวกินไข่ เกลียดปลาไหลกินน้ำแกงเลยนะเนี่ย... เอาเป็นว่า มติครม.ที่ทำให้นักลงทุนเฮโลเข้ามาเก็งกำไรหุ้น THCOM นั้น สุดท้ายก็เป็นแค่มติแก้เกี้ยวทางกฎหมายเท่านั้นเอง... ...อิ อิ อิ...