อุดิอาราเบีย

ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ดัชนีตลาดปิดวันนี้ที่ 1,548.78 จุด เพิ่มขึ้น 0.92 จุด (+0.06%) มูลค่าการซื้อขาย 53,967.86 ล้านบาท นายชาญชัย พันทาธนากิจ ผู้อำนวยการสายงานวิจัย บริษัทหลักทรัพย์ เมย์แบงก์ (ประเทศไทย) จำกัด (มหาชน) เปิดเผยว่า ตลาดหุ้นไทยวันนี้แกว่งบวกลบกระจัดกระจาย โดยกลุ่มที่หนุนดัชนีได้แก่กลุ่มพลังงาน หลังจากที่ซาอุดิอาระเบียและรัสเซียขยายระยะเวลาการปรับลดกำลังการผลิตน้ำมันแบบสมัครใจออกไปอีก 3 เดือน จากที่ตลาดคาดว่าจะขยายเวลาเพียง 1 เดือน รวมทั้งกลุ่มธนาคารพาณิชย์และค้าปลีกที่ปรับตัวขึ้น รับนโยบายดิจิทัลวอลเลตของรัฐบาลมีแนวโน้มให้บริการเร็วขึ้นภายในเดือนก.พ.ปี 67 อย่างไรก็ตาม หุ้นกลุ่มโรงไฟฟ้ากดดันดัชนี จากประเด็นนโยบายการลดค่าไฟของรัฐบาล รวมทั้งราคาน้ำมันดิบที่เพิ่มขึ้น อาจส่งผลให้ต้นทุนการผลิตไฟฟ้าสูงขึ้นด้วย และกลุ่มไฟแนนซ์ก็ปรับลงแรง หลัง credit cost เร่งตัวรวมทั้งกังวลมาตรการพักชำระหนี้ของรัฐบาล ที่นอกจากจะช่วยกลุ่มเกษตรกรแล้วยังรวมถึงประชาชนที่ได้รับผลกระทบจากโควิด-19 ทำให้นักลงทุนกังวลว่าจะกระทบกับบริษัท สำหรับแนวโน้มตลาดในวันพรุ่งนี้แกว่งไซด์เวย์ นักลงทุนรอติดตามความชัดเจนของนโยบายรัฐบาลซึ่งจะมีการแถลงนโยบายต่อรัฐสภาในวันที่ 11 ก.ย. 66 พร้อมทั้งให้แนวต้าน 1,560 จุด และแนวรับ 1,540 จุด ส่วนหลักทรัพย์ที่มีมูลค่าการซื้อขายสูงสุด 5 หลักทรัพย์ PTTEP มูลค่าการซื้อขาย 3,717.39 ล้านบาท ปิดที่ 166.00 บาท เพิ่มขึ้น 5.00 บาท PTT มูลค่าการซื้อขาย 2,594.94 ล้านบาท ปิดที่ 35.25 บาท เพิ่มขึ้น 0.50 บาท BDMS มูลค่าการซื้อขาย 2,407.46 ล้านบาท ปิดที่ 27.50 บาท เพิ่มขึ้น 0.50 บาท SCB มูลค่าการซื้อขาย 2,123.70 ล้านบาท ปิดที่ 116.50 บาท เพิ่มขึ้น 0.50 บาท KTB มูลค่าการซื้อขาย 1,676.92 ล้านบาท ปิดที่ 19.50 บาท เพิ่มขึ้น 0.50 บาท