เคนยา

ผู้สื่อข่าวรายงานว่า วันนี้(6 ก.พ.) เป็นวันแรกที่รัฐบาลจีนเริ่มอนุญาตให้ชาวจีนเดินทางไปท่องเที่ยวแบบหมู่คณะหรือกรุ๊ปทัวร์ได้ใน 20 ประเทศ ซึ่งได้แก่ ไทย, มาเลเซีย, อินโดนีเซีย, ฟิลิปปินส์, สิงคโปร์, กัมพูชา, สปป.ลาว,มัลดีฟส์, ศรีลังกา, สหรัฐอาหรับเอมิเรตส์, อียิปต์, เคนยา, แอฟริกาใต้, รัสเซียสวิตเซอร์แลนด์, ฮังการี, ฟิจิ, นิวซีแลนด์, คิวบา, และอาร์เจนตินา จากกรณีดังกล่าวคาดว่าไทยจะได้รับผลดีต่อนักท่องเที่ยวจีนที่จะมีการเดินทางออกนอกประเทศเพื่อท่องเที่ยวมากขึ้น อีกทั้ง นักท่องเที่ยวจีนเป็นประเทศที่มีสัดส่วนรายได้เข้าไทยสูงที่สุด โดยในช่วงปี 62 มีนักท่องเที่ยวจีนเดินทางเข้าไทยมากสุดราว 11 ล้านคน คิดเป็น 25% ของนักท่องเที่ยวโดยรวม ซึ่งประเด็นดังกล่าวจะช่วยให้จำนวนนักท่องเที่ยวจีนในปี 66 จะเพิ่มขึ้นเป็น 5 ล้านคน จากเดิมที่คาดไว้ที่ 2 ล้านคน และจะส่งผลให้จำนวนนักท่องเที่ยวรวมจะเพิ่มขึ้นเป็น 25 ล้านคน จากเดิมที่คาดไว้ที่ 22 ล้านคนได้ ด้านบริษัท หลักทรัพย์ โนมูระ พัฒนสิน จำกัด (มหาชน) ระบุในบทวิเคราะห์วันนี้ว่า กลุ่มท่องเที่ยว วันนี้จะเป็นวันแรกที่นักท่องเที่ยวจีนกลุ่มทัวร์ (40% ของนักท่องเที่ยวช่วงก่อน COVID) เริ่มเดินทางเข้าไทยได้ ผลสำรวจผู้ประกอบการสถานที่ท่องเที่ยวหลักๆ อาทิ ภูเก็ต พบว่า ยอดจองอยู่ในระดับสูง สะท้อนโอกาสเร่งจำนวนนักท่องเที่ยวต่างชาติเร่งขึ้นต่อเนื่องจากช่วง ม.ค.66 โดยประเมินเบื้องต้น (อิงสถิติการเดินทาง AOT) ไว้ที่ 2.1-2.2 ล้านราย จะเป็นฐานที่ตลาดใช้ประเมินภาพทั้งปีที่ไม่ต่ำกว่ากรอบล่าง Consensus ประเมินนักท่องเที่ยวปี 66 ที่ 25 ล้านราย จิตวิทยาบวกต่อหุ้นท่องเที่ยว การบิน,ค้าปลีก อาทิ AOT, AAV, ERW, CENTEL, CRC, CPALL, MAKRO บล.กรุงศรี ระบุในบทวิเคราะห์ว่า คาดหวังทัวร์จีนเริ่มเข้าหนุนกิจกรรมเศรษฐกิจไทยคึกคัก กรุ๊ปทัวร์จีนเริ่มเข้าไทยอย่างเป็นทางการตั้งแต่วันนี้ (6 ก.พ.) เป็นบวกโดยตรงต่อกลุ่มธุรกิจท่องเที่ยวและกลุ่มธุรกิจที่เกี่ยวข้อง อาทิ สายการบิน, สนามบิน, เติมน้ำมันเครื่องบิน,รถเช่า,โรงแรม,ร้านอาหาร,ห้างสรรพสินค้า,สปา,ร้านของฝาก รวมไปถึงกลุ่มโรงพยาบาล