เงิน 10000 บาท

ผู้สื่อข่าวรายงานว่า วันนี้ (28 ม.ค.68) นายเผ่าภูมิ โรจนสกุล รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงการคลัง เปิดเผยถึงผลการโอนเงิน 10,000 บาท ในโครงการกระตุ้นเศรษฐกิจผ่านผู้สูงอายุ ที่มีอายุตั้งแต่ 60 ปีขึ้นไป หรือ "เงินหมื่น เฟส 2" เมื่อวันที่ 27 ม.ค. ที่ผ่านมา พบว่า จากยอดสั่งจ่ายเงิน 3,025,596 คน มีประชาชนได้รับเงินแล้ว 2,825,076 คน หรือคิดเป็น 93.37% ส่วนผู้ที่ยังไม่ได้รับเงิน 200,520 คน คิดเป็น 6.63% สำหรับสาเหตุที่ผู้สูงอายุยังไม่ได้รับเงิน ส่วนใหญ่ 97.10% ยังไม่ผูกบัญชีพร้อมเพย์ ส่วนอีก 2.9% พบว่า สถานะบัญชีมีปัญหา เช่น บัญชีปิดไปแล้ว หรือบัญชีติดเงื่อนไขอื่น ๆ ส่วนกรณีลงทะเบียนไม่สำเร็จ หรือไม่ได้กดยืนยันรับสิทธิ์นั้น นายเผ่าภูมิ ระบุว่า จะถือเป็น “ผู้ลงทะเบียนไม่ครบตามขั้นตอน” ทำให้ไม่ได้รับสิทธิ์ รวมถึงจะไม่สามารถลงทะเบียนในกลุ่มไม่มีสมาร์ทโฟนได้ เพราะถือว่าไม่ได้ลงทะเบียนครบตามกระบวนการและตามเงื่อนไขก็จะถือว่าเสียสิทธิ์ เช่นเดียวกับกลุ่มคนที่ไม่ได้ลงทะเบียนในแอปพลิเคชัน “ทางรัฐ” สำหรับวิธีแก้ไขในกลุ่มคนที่ลงทะเบียนสำเร็จแต่ยังไม่ได้รับเงินนั้น รมช.คลัง กล่าวว่า ขอให้รีบติดต่อธนาคาร และผูกพร้อมเพย์กับบัญชีเงินฝาก ด้วย “เลขประจำตัวประชาชน” รวมทั้งรีบติดต่อกับธนาคารที่มีบัญชีอยู่ เพื่อแก้ไขสถานะบัญชีให้พร้อมรับเงินจากรัฐบาล ซึ่งจะมีรอบโอนซ้ำ (Retry) 3 ครั้ง คือวันที่ 28 ก.พ., 28 มี.ค. และ 28 เม.ย.68 สำหรับการตรวจสอบเพื่อแยกกลุ่มผู้รับสิทธิ์ ระหว่างกลุ่มที่มีสมาร์ทโฟนกับกลุ่มที่ไม่มีสมาร์ทโฟนนั้น นายเผ่าภูมิ กล่าวว่า จากนี้จะมีประกาศขั้นตอนว่าประชาชนจะต้องดำเนินการอย่างไร ซึ่งจะใช้เวลาอีกไม่เกิน 1 เดือน รวมถึงรายละเอียดต่าง ๆ พร้อมยืนยันว่ากลุ่มผู้ไม่มีสมาร์ทโฟนจะได้รับเงิน 10,000 บาทอย่างแน่นอน ไม่จำเป็นจะต้องได้รับพร้อมกับกลุ่ม “เฟส 3” นอกจากนี้ กรณีเป็นผู้ที่โหลดลงทะเบียนผ่านแอปฯ “ทางรัฐ” ไม่สำเร็จ หรือไม่ครบตามขั้นตอน ก็ถือว่าเป็นผู้ที่ไม่ได้ลงทะเบียน ซึ่ง “เฟส 3” จะยึดตามหลักเกณฑ์เดิม คือ ต้องเป็นผู้ที่ลงทะเบียนสำเร็จและมีเงื่อนไขเรื่องรายได้ต่าง ๆ เข้าเกณฑ์ที่กำหนดไว้ตามเดิม โดยจะยึดจากการลงทะเบียนผ่านแอปฯ “ทางรัฐ” เป็นหลัก รมช.คลัง กล่าวทิ้งท้ายว่า สำหรับผู้ที่ลงทะเบียนไม่ผ่านสามารถยื่นอุทธรณ์ฝากเรื่อง ได้ที่ สายด่วน 1111 แต่ย้ำว่า กระบวนการตรวจสอบของกระทรวงการคลังทำอย่างตรงไปตรงมา เช่น เรื่องรายได้จะตรวจสอบจากธนาคารต่าง ๆ และกรมสรรพากร ส่วนเรื่องอายุจะตรวจสอบโดยตรงไปที่กรมการปกครอง เป็นต้น