เจริญ สิริวัฒนภักดี

ตลาดหุ้นไทยในช่วง 3 เดือน ที่ผ่านมามีข่าวร้อนข่าวดังเข้ามาสร้างบรรยากาศการลงทุนให้ได้ลุ้นแทบทุกวัน โดยประเด็นที่ถือเป็นข่าวใหญ่ในวงการตลาดหุ้นไตรมาแรกคงหนีไม่พ้นข่าวเสี่ยเจริญทุ่มงบกว่าแสนลบ.ฮุบ BIGC โดยบริษัทกรุ๊ปคาสิโน บริษัทค้าปลีกของฝรั่งเศส ตกลงขายหุ้น บริษัท บิ๊กซี ซูเปอร์เซ็นเตอร์ จำกัด (มหาชน) หรือ BIGC ให้กับ นายเจริญ สิริวัฒนภักดี ประธานกรรมการบริหาร กลุ่มทีซีซี กรุ๊ป ด้วยมูลค่าราว 1.24 แสนล้านบาท (3.46 พันล้านดอลลาร์สหรัฐ คำนวณตามอัตรา 1 ดอลลาร์ เท่ากับ 36 บาท) ทั้งนี้ บริษัทกรุ๊ปคาสิโนขายหุ้นดังกล่าวเพื่อเป็นการตัดลดหนี้ของบริษัท โดยจะซื้อหุ้นกลุ่มคาซิโนที่ถืออยู่ 58.6% ในราคาหุ้นละ 252.88 บาท (หรือ 7.10 ดอลลาร์สหรัฐฯ) แน่นอนกระแสข่าวนี้ในช่วงนั้นทำให้บรรดานักลงทุนที่ถือหุ้น BIGC ตีปีกกันถ้วนหน้า และมีแรงซื้อเก็งกำไรเข้ามาในหุ้นอย่างคึกคัก ไม่เว้นแม้กระทั่ง BJC ซึ่งเป็นหุ้นอีกตัวหนึ่งในกลุ่มของ “เสี่ยเจริญ” ซึ่งทำธุรกิจเกี่ยวกับบรรจุภัณฑ์, ผลิตภัณฑ์ด้านอุปโภคบริโภค,ผลิตภัณฑ์ด้านเวชภัณฑ์ และอื่นๆ คาดว่าจะได้รับผลดีจากกรณีดังกล่าวเช่นกัน จากช่องทางการจัดจำหน่ายและกระจายสินค้าที่มากขึ้นก็วิ่งรับข่าวนี้เช่นกัน โดยดีลดังกล่าวชัดเจนและเสร็จสิ้นเป็นที่เรียบร้อยในช่วงเดือนมี.ค.59 ภายหลังบริษัท เบอร์ลี่ ยุคเกอร์ จำกัด (มหาชน) หรือ BJC แจ้งได้เข้าซื้อหุ้น BIGC ผ่านการถือหุ้นโดยบริษัทย่อยรวมจำนวน 58.56% ตามสัญญาจะทำการขายหุ้นที่ทำขึ้นกับ Geant International BV พร้อมประกาศจัดโครงสร้างลงทุนรองรับทำธุรกิจ อย่างไรก็ตามแม้ดีลดังกล่าวเสร็จสิ้น และ"เจริญ สิริวัฒนภักดี" ที่คนทั่วไปมักจะเรียกเขาว่า “เจ้าพ่อน้ำเมา”ได้รับชัยชนะในการซื้อหุ้น BIGC จากกลุ่ม กาสิโนกรุ๊ป ของฝรั่งเศสไปอย่างสวยงาม แต่ในแง่ของธุรกิจนั้นก็ยังเป็นเรื่องที่ต้องจับตากันอยู่ โดยเฉพาะผ่านมาถึงวันนี้ ยังไม่แน่ใจว่า ราคาที่จะต้องทำเทนเดอร์ฯ อยู่ในระดับเดียวกับที่เสนอซื้อจากกลุ่มคาสิโนหรือไม่ นั่นเพราะต้องรอกระบวนการต่างๆ ให้แล้วเสร็จก่อน โดยเฉพาะการประเมินราคาหุ้นของที่ปรึกษาทางการเงิน และหากทุกขั้นตอนผ่านไปได้ด้วยดี และกลุ่มเสี่ยเจริญได้จ่ายเงินการซื้อหุ้น BIGC ให้กับกลุ่มคาสิโนแล้วกระทั่งมาเข้าสู่ขั้นตอนการทำคำเสนอซื้อหุ้นคืน นั่นอย่าลืมว่ายังมีประเด็นที่น่าจับตา โดยเฉพาะกลุ่มเซ็นทรัลซึ่งถือหุ้น BIGC อยู่ที่ 25% จะยอมขายหุ้นให้กลุ่มเสียเจริญหรือไม่เป็นเรื่องที่น่าจับตา ยิ่ง “ทศ จิราธิวัฒน์” ประธานกรรมการบริหาร บริษัท กลุ่มเซ็นทรัล จำกัด “ออกมายืนกรานเสียงแข็งว่าจะไม่มีการขายหุ้น 25% ที่ถืออยู่ใน BIGC” อักทั้งยังบอกไว้อย่างน่าสนใจอีกว่า กลุ่มเซ็นทรัล นับว่าเป็นผู้ก่อตั้ง BIGC มาเป็นเวลา 20 ปีจนทำให้มูลค่าของ BIGC เพิ่มขึ้นมาถึงระดับ 2 แสนล้านบาทในปัจจุบัน อีกทั้งธุรกิจของ BIGC ก็ยังมีศักยภาพเติบโตสูง ตรงนี้เป็นเกมที่น่าจับตาว่าเสือ 2 ตัวจะอยู่ถ้ำเดียวกันได้หรือไม่ บทสรุป BIGC ในกำมือกลุ่มใหญ่ 2 รายจะออกมาอย่างไรเป็นเรื่องที่น่าติดตาม!