เจเอเอส แอสเซ็ท J

นายเอกภาวิน สุนทราภิชาติ ผู้อำนวยการฝ่ายกลยุทธ์การลงทุน สายงานวิจัย บริษัทหลักทรัพย์ อินโนเวสท์ เอกซ์ จำกัด (InnovestX) เปิดเผยผ่านรายการ “ข่าวหุ้นเจาะตลาด” วันนี้ ( 20 ก.พ. 66) ว่าสัปดาห์นี้แนวโน้มตลาดหุ้นไทยมีโอกาสฟื้นตัวหลังจากอ่อนตัวลงลึกก่อนหน้าจนดาวไซด์จำกัด เหตุเผชิญกับภาวะเสี่ยงในความกังวลว่าเฟดจะขึ้นดอกเบี้ยต่อ หลังตัวเลขเศรษฐกิจในสหรัฐเดือนม.ค. 66 สูงกว่าคาด ทำให้ดอลลาร์แข็งค่า ขณะที่เงินบาทอ่อนค่า จึงทำให้ฟันด์โฟลว์ไหลออก ซึ่งเป็นปัจจัยกดดันสำหรับสภาวะของตลาด อย่างไรก็ตามแนะติดตามผลการประชุมเฟดครั้งถัดไปงวดประเดือนมี.ค.66 เรื่องการปรับขึ้นนโยบายดอกเบี้ยต่อ คาดว่าจะมีการปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยไปอยู่ที่กรอบ 5.25%-5.50% ทั้งนี้ให้กรอบดัชนีวันนี้ไว้ที่แนวรับ 1,635-1,645 จุด ส่วนแนวต้าน 1660-1,666 จุด สำหรับหุ้นแนะนำ ระบุเป็นหุ้นรับผลบวกในเรื่องของผลประกอบการไตรมาส 4/65 ที่มีโอกาสออกมาในเกณฑ์ดี โดยเฉพาะกลุ่มโรงพยาบาลอย่าง บริษัท กรุงเทพดุสิตเวชการ จำกัด(มหาชน) หรือ BDMS ให้แนวรับ 29-30 บาท ส่วนแนวต้าน 31-32 บาท ตามด้วย บริษัท โรงพยาบาลบำรุงราษฎร์ จำกัด (มหาชน) หรือ BH ถัดมาในกลุ่มค้าปลีก แนะนำลงทุน บริษัท เบอร์ลี่ ยุคเกอร์ จำกัด (มหาชน) หรือ BJC ให้แนวรับ 37 บาท ส่วนแนวต้าน 39 -39.50 บาท ส่วนกรณีบริษัท สยามแม็คโคร จำกัด (มหาชน) หรือ MAKRO ที่จะมีการประกาศงบการเงินงวดไตรมาส 4/65 ออกมาในวันนี้ มองว่ายังอยู่ในเกณฑ์ดี จึงเป็นโอกาสให้นักลงทุนหาจังหวะเข้า “ซื้อ” รอบถัดไป หลังจากราคาหุ้นมีการปรับตัวลงช่วงก่อนหน้า อย่างไรก็ดีคาดว่าจะได้รับอานิสงส์ เรื่องของการรีไฟแนนซ์, หนี้สกุล US ที่จะหมดในครึ่งแรกของปี 66 เชื่อว่าน่าจะเป็นปัจจัยหนุนให้ผลการดำเนินงานเร่งตัวขึ้น โดยหาโอกาสตั้งรับบริเวณ 40 บาท สำหรับกรณีตระกูล J ที่ราคาหุ้นมีการปรับตัวลงมา ได้แก่ บริษัท เจ มาร์ท จำกัด (มหาชน) หรือ JMART, บริษัท เจ เอ็ม ที เน็ทเวอร์ค เซอร์วิสเซ็ส จำกัด (มหาชน) หรือ JMT, บริษัท ซิงเกอร์ประเทศไทย จำกัด (มหาชน) หรือ SINGER, บริษัท เจเอเอส แอสเซ็ท จำกัด (มหาชน) หรือ J, บริษัท เอสจี แคปปิตอล จำกัด (มหาชน) หรือ SGC มองว่าให้รอดูจังหวะและทิศทางของผลการดำเนินงานที่ชัดเจนแล้วค่อยหาจังหวะเข้า “ซื้อ”