เดินทางกลับไทย

นายเศรษฐา ทวีสิน นายกรัฐมนตรีและรมว.คลัง กล่าวก่อนเดินทางลงพื้นที่จังหวัดพิษณุโลกถึงความคืบหน้าการให้ความช่วยเหลือคนไทยออกจากพื้นที่สู้รบตะวันออกกลางว่า เป็นที่น่าเสียใจว่าทางสถานทูตไทยประจำอิสราเอลได้รายงานว่า มีคนไทยเสียชีวิตเพิ่มอีก 3 ราย รวมขณะนี้มีคนไทยเสียชีวิต 24 รายแล้ว และถูกจับเป็นตัวประกันจำนวนเท่าเดิมคือ 16 ราย ปัจจุบันมีผู้แสดงเจตจำนงจะเดินทางกลับไทยกว่า 7,000 คน ซึ่งต้องขอขอบคุณสายการบินพาณิชย์ทั้ง 3 แห่ง คือ นกแอร์ แอร์เอเชีย และการบินไทย ที่ได้ทำงานร่วมกันเป็นอย่างดี ในการหาลู่ทางการที่จะนำคนไทยออกมาโดยเร็วที่สุด ขณะนี้ยังมีการประสานงานกันอย่างต่อเนื่องเพื่อจะเร่งนำคนไทยกลับมาสู่ประเทศไทยให้เร็วที่สุด นอกจากนี้ ยังได้ใช้ความสัมพันธ์ส่วนตัวติดต่อกับภาคเอกชนที่มีเครื่องบินและมีคอนเนคชั่นกับประเทศจีน ที่จะมีการประสานใช้สายการบิน Spic Jet ซึ่งมีเครื่อง A340 แต่ละไฟลท์จะสามารถรับคนได้ประมาณ 350 คน อาจจะเร็วที่สุดคือวันอาทิตย์ที่ 15 ต.ค.นี้ โดยตนได้ให้ช่องทางการติดต่อกับกระทรวงการต่างประเทศไปเรียบร้อยแล้ว เพราะทางสายการบินดังกล่าวจะมีการลำเลียงคนอินเดียไปส่งอยู่แล้ว หากเราสามารถตกลงกันได้ และเคลียร์กับทางรัฐบาลอิสราเอล เพื่อให้เครื่องบินลงจอดได้ก็จะจัดการทันที โดยเร็วที่สุด ส่วนกรณีมีนักวิชาการฝ่ายความมั่นคง แสดงความกังวลถึงการวางตัวของรัฐบาลไทยกับอิสราเอล อาจจะกระทบเรื่องปาเลสไตน์นั้น นายเศรษฐา กล่าวว่า เรื่องนี้ได้มีการปรึกษากับทางฝ่ายความมั่นคงแล้วหรือไม่ ยืนยันว่า เราวางตัวเป็นกลาง เพราะเราไม่ได้เป็นส่วนหนึ่งของความขัดแย้งของใครทั้งสิ้น หน้าที่ของตนคือการทำงานร่วมกับทุกฝ่าย ไม่ว่าจะเป็นปาเลสไตน์ หรือทางสถานทูตอิสราเอลเพื่อปกป้องคนไทยให้ปลอดภัยจากวิกฤตสงครามครั้งนี้ ยืนยันว่าเราไม่ได้มีการช่วยเหลือใครทั้งสิ้น ไม่ได้มีการแสดงจุดยืนว่า เข้าข้างใคร เราเข้าข้างคนไทยที่ประสบปัญหาอยู่ในขณะนี้ สิ่งที่รัฐบาลไทยเป็นห่วงตอนนี้คือ คนไทยอีกกว่าประมาณ 6,000 -7,000 คน ที่อยากจะออกมา เรื่องนี้เป็นเรื่องที่เราให้ความสำคัญสูงสุด เรายินดีทำงานร่วมกับทุกฝ่าย เพื่อให้คนไทยปลอดภัย อย่างไรก็ตามในช่วงเย็นวันที่ 15 ต.ค.นี้ ตนจะมีการหารือร่วมกับกระทรวงการต่างประเทศ เพื่อหาแนวทางในการนำตัวคนไทยกลับประเทศ ด้านนพ.ชลน่าน ศรีแก้ว รมว.สาธารณสุข เปิดเผยความคืบหน้าการดูแลสุขภาพคนไทยที่เดินทางกลับจากเหตุการณ์ความไม่สงบในอิสราเอลว่า คนไทยชุดที่ 2 ซึ่งเดินทางกลับด้วยสายการบินพาณิชย์ ถึงสนามบินสุวรรณภูมิเมื่อช่วงเย็นวานนี้ (13 ต.ค.) รวมทั้งสิ้น 56 คน เป็นชาย 55 คน หญิง 1 คน โดยทีมคัดกรองสุขภาพจากโรงพยาบาลบางพลี จังหวัดสมุทรปราการ กรมสุขภาพจิต และกรมควบคุมโรค ได้ตรวจคัดกรองเพื่อประเมินสุขภาพกายและสุขภาพจิต พบว่า มีผู้ได้รับบาดเจ็บจากการถูกยิง 2 ราย รายแรก ชายอายุ 38 ปี ภูมิลำเนาจังหวัดนครพนม มีแผลบริเวณสะโพก ได้รับการรักษาบาดแผลมาแล้ว มีอาการปวดเข่าซ้าย รายที่ 2 ชายอายุ 26 ปี ภูมิลำเนาจังหวัดขอนแก่น มีแผลที่บริเวณเชิงกราน ได้รับการรักษาบาดแผลมาแล้วเช่นกัน ยังปวดแผลเล็กน้อย ทีมแพทย์ส่งตัวไปนอนโรงพยาบาลบางพลี เพื่อสังเกตอาการและตรวจร่างกายเพิ่มเติม ล่าสุดเช้านี้ ทั้ง 2 ราย อาการทั่วไปปกติ และประสงค์ที่จะกลับไปรักษาต่อใกล้บ้าน แพทย์จึงอนุญาตให้ออกจากโรงพยาบาลได้ นอกจากนี้ยังพบผู้มีอาการเจ็บคอ 1 ราย ผลตรวจ PCR ไม่พบเชื้อ แพทย์ได้ให้การรักษาก่อนให้กลับภูมิลำเนา ส่วนการตรวจคัดกรองด้านสุขภาพจิต มีผู้ต้องประเมินสุขภาพจิต 22 ราย ในจำนวนนี้พบมีภาวะเครียด 3 ราย มีอาการตื่นตัวมากเกินไป 5 ราย ทีม MCATT ของกรมสุขภาพจิตได้ให้การเยียวยาก่อนส่งกลับภูมิลำเนา โดยจะประสานสำนักงานสาธารณสุขจังหวัดและโรงพยาบาลในภูมิลำเนาติดตามอาการต่อเนื่อง สำหรับการเตรียมการรับคนไทยชุดต่อไป ซึ่งจะเดินทางถึงสนามบินอู่ตะเภาจังหวัดระยอง ในเช้าวันที่ 15 ต.ค.66 หน่วยงานของกระทรวงสาธารณสุข ได้แก่ สำนักงานควบคุมป้องกันโรคที่ 6 ชลบุรี กองด่านควบคุมโรคติดต่อระหว่างประเทศและกักกันโรค สนามบินอู่ตะเภา สำนักงานสาธารณสุขจังหวัดระยอง สำนนักงานสาธารณสุขอำเภอบ้านฉาง โรงพยาบาลบ้านฉาง โรงพยาบาลระยอง และศูนย์สุขภาพจิตที่ 6 ชลบุรี ได้เตรียมพื้นที่และกระบวนการคัดกรองสุขภาพกาย/สุขภาพจิตไว้พร้อมแล้ว