เที่ยวไทย

นางสาวฐาปนีย์ เกียรติไพบูลย์ ผู้ว่าการการท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย (ททท.) เปิดเผยว่า การท่องเที่ยวไทยทั้งปี 2566 คาดว่าจะสร้างรายได้รวมตลาดต่างชาติเที่ยวไทย และไทยเที่ยวไทย อยู่ที่ 2 ล้านล้านบาท ต่ำกว่าเป้าหมายรายได้เดิมที่ตั้งไว้ 2.4 ล้านล้านบาท หรือขาดไป 4 แสนล้านบาท ซึ่งสาเหตุมาจากรายได้ของนักท่องเที่ยวต่างชาติไม่เป็นไปตามเป้าหมาย โดยมีค่าใช้จ่ายต่อหัวต่อทริปปรับเพิ่มขึ้น แต่เพิ่มเฉพาะในกลุ่มชาวยุโรปที่มีระยะเวลาพักค้างในไทยนานขึ้น ซึ่งมีสัดส่วนน้อยกว่านักท่องเที่ยวจากประเทศเพื่อนบ้านที่มีจำนวนคนเยอะ แต่เนื่องจากระยะเวลาพักค้างสั้น อาทิ มาเลเซีย ที่เข้ามาเที่ยวไทยมากอันดับหนึ่ง คาดว่าปีนี้จะถึง 4.59 ล้านคน แต่มีค่าใช้จ่ายต่อหัวเพียง 26,000 บาทต่อคนต่อทริป นางสาวฐาปนีย์ กล่าวว่า ยอดนักท่องเที่ยวชาวต่างชาติสะสมตั้งแต่วันที่ 1 มกราคม ถึง 3 ธันวาคม 2566 รวมอยู่ที่ 25.08 ล้านคน สร้างรายได้ 1,067,513 ล้านบาท เนื่องจากเดือนธันวาคมเป็นเทศกาลท่องเที่ยว จึงคาดว่าจะมีนักท่องเที่ยวต่างชาติเข้ามาถึง 2 ล้านคน ทำให้คาดว่าตลอดทั้งปี 2566 จะมีจำนวนนักท่องเที่ยวต่างชาติรวม 27 ล้านคน สร้างรายได้ 1.2 ล้านล้านบาท ซึ่งหย่อนจากเป้าหมายที่ ททท.ตั้งไว้ตลอดปีนี้ ที่จะมีนักท่องเที่ยวต่างชาติ 25-28 ล้านคน สร้างรายได้ 1.6 ล้านล้านบาท ผู้ว่าการ ททท. กล่าวเพิ่มเติมว่า ปัญหาเศรษฐกิจโลก ปัญหาเที่ยวบินที่ยังไม่กลับมาเหมือนเดิม ขณะที่ความหวังตลาดนักท่องเที่ยวหลักอย่างจีน ที่ตั้งเป้าหมายไว้ 4-4.04 ล้านคน น่าจะได้จริงเพียง 3.4-3.5 ล้านคน เพราะเศรษฐกิจจีนมีปัญหาและรัฐบาลจีนเน้นส่งเสริมการท่องเที่ยวในประเทศแทน เห็นได้จากราคาตั๋วเครื่องบินภายในประเทศของเดือนธันวาคม เฉลี่ย 590 หยวน ลดลง 19% จากเดือนพฤศจิกายน ที่มีราคา 728 หยวน ขณะที่ราคาตั๋วเครื่องบินไปต่างประเทศในเดือนธันวาคม ราคาเท่ากับเดือนพฤศจิกายน ที่เฉลี่ย 1,980 หยวน ทำให้คนจีนเดินทางท่องเที่ยวในประเทศจำนวนมาก เฉพาะที่มณฑลยูนนานมีมากถึง 900 ล้านคน เพิ่มขึ้น 3 เท่าตัวจากปี 2562 ที่ผ่านมา นางสาวฐาปนีย์ กล่าวว่า การดำเนินมาตรการยกเว้นวีซ่า (วีซ่า-ฟรี) ให้กับจีน คาซัคสถาน อินเดีย ใต้หวัน และขยายระยะเวลาพำนักของนักท่องเที่ยวรัสเซียเป็น 90 วัน ได้ช่วยสนับสนุนการท่องเที่ยวอย่างมาก ถือว่ามาตรการนี้ได้ผล สะท้อนจากมาเลเซียเพิ่มประกาศยกเว้นวีซ่าให้ชาวจีนถึงสิ้นปี 2567 ที่หากมาตรการเราไม่ดี คู่แข่งคงไม่ทำตาม โดยททท. จะดำเนินการตามแผนกระตุ้นตลาดต่างชาติเที่ยวไทย ผ่านการดึงนักท่องเที่ยวจากประเทศเพื่อนบ้านพักค้างนานขึ้น เพื่อเพิ่มการใช้จ่ายในไทย และรับนโยบายของนางสาวสุดาวรรณ หวังศุภกิจโกศล รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬา เพื่อให้สร้างรายได้รวม 3.5 ล้านล้านบาท สูงกว่าเป้าหมายที่ ททท.ตอนแรกที่ 3 ล้านล้านบาท ภายใต้การดึงต่างชาติเที่ยวไทยที่ 35 ล้านคน นางสาวฐาปนีย์ กล่าวว่า ตลาดนักท่องเที่ยวจีนในปี 2567 ตั้งเป้าไว้ที่ 8.5 ล้านคน พบว่า การใช้จ่ายของนักท่องเที่ยว เอลี เพย์ มีข้อมูลแจ้งว่า ตลาดนักท่องเที่ยวจีนมียอดใช้จ่ายเฉพาะการช้อปปิ้งและทานอาหารในไทย เพิ่มขึ้น 100% จาก 10,000 บาทต่อทริป เป็น 20,000 บาทต่อทริป โดยไม่รวมค่าที่พักและตั๋วเครื่องบิน อีกทั้งเตรียมเสนอรัฐบาลต่ออายุมาตรการยกเว้นวีซ่าให้นักท่องเที่ยวจีนที่จะหมดลงในวันที่ 29 กุมภาพันธ์ 2567 และให้พิจารณาเพิ่มวันพักนักของนักท่องเที่ยวประเทศที่ได้รับยกเว้นวีซ่าอยู่แล้ว จาก 30 วัน ให้เพิ่มเป็น 90 วัน รวมทั้งเตรียมจะหารือกระทรวงการต่างประเทศให้ชาวต่างชาติที่ทำวีซ่านักท่องเที่ยวสามารถเข้าออกประเทศไทยและประเทศเพื่อนบ้านเหมือนวีซ่ามัลติเพิลที่สามารถเข้ามาไทยได้หลายครั้ง นางสาวฐาปนีย์ กล่าวว่า สำหรับตลาดไทยเที่ยวไทย ขณะนี้การเดินทางท่องเที่ยวประเทศของคนไทยสูงกว่าเป้าหมายที่ตั้งไว้ตลอดปีนี้ที่ 200 ล้านคน-ครั้ง เพราะจากตัวเลข 11 เดือน (มกราคม-พฤศจิกายน) คนไทยเดินทางแล้ว 228 ล้านคน-ครั้ง จึงคาดว่าตลอดทั้งปีนี้จะถึง 240 ล้านคน-ครั้ง โดยมีรายได้ 800,000 ล้านบาท เนื่องจากคนไทยจ่ายน้อยลงแต่มีความถี่ในการเดินทางท่องเที่ยวถี่ขึ้นตามการกระตุ้นของรัฐบาล.