เพิ่มน้ำหนักหุ้นไทย

ผู้สื่อข่าวรายงานว่า บริษัทหลักทรัพย์ ยูบีเอส (ประเทศไทย) จำกัด หรือ UBS ถือเป็นบริษัทการลงทุนชั้นนำระดับโลกที่มีชื่อเสียงและได้รับความไว้วางใจจากนักลงทุนต่างชาติ ได้ปรับเพิ่มอันดับการแนะนำตลาดหุ้นไทยเป็น “Overweight” จากเดิมที่ให้คำแนะนำ “Neutral” โดยอ้างอิงจากการประเมินแนวโน้มเศรษฐกิจไทยที่มีการฟื้นตัวและทิศทางที่มีความเป็นบวกในระยะข้างหน้า ทั้งนี้ UBS มองว่าการปรับเพิ่มอันดับในครั้งนี้จะช่วยให้ตลาดหุ้นไทยสามารถให้ผลตอบแทนที่ดีกว่าตลาดในภูมิภาคเอเชีย โดยจากการปรับเพิ่มอันดับการแนะนำของ UBS ได้เสนอรายชื่อหุ้นเด่น “Top picks” ที่มีศักยภาพในการเติบโตและสร้างผลตอบแทนที่ดีให้นักลงทุนในช่วงนี้ ได้แก่ บริษัท ท่าอากาศยานไทย จำกัด (มหาชน) หรือ AOT ให้ราคาเป้าหมาย 70 บาท ซึ่งเมื่อเทียบกับราคาปิดของหุ้น ณ วันที่ 18 มีนาคม 2568 ที่ระดับ 39.50 บาท จะสะท้อนว่ายังมีอัพไซด์ถึง 77.21% บริษัท ซีพี ออลล์ จำกัด (มหาชน) หรือ CPAL ให้ราคาเป้าหมาย 74.00 บาท ซึ่งเมื่อเทียบกับราคาปิดของหุ้น ณ วันที่ 18 มีนาคม 2568 ที่ระดับ 50.50 บาท จะสะท้อนว่ายังมีอัพไซด์ 46.53% บริษัท ปตท. สำรวจและผลิตปิโตรเลียม จำกัด (มหาชน) หรือ PTTEP ให้ราคาเป้าหมาย 163.00 บาท ซึ่งเมื่อเทียบกับราคาปิดของหุ้น ณ วันที่ 18 มีนาคม 2568 ที่ระดับ 110.00 บาท จะสะท้อนว่ายังมีอัพไซด์ 48.18% บริษัท ทรู คอร์ปอเรชั่น จำกัด (มหาชน) หรือ TRUE ให้ราคาเป้าหมาย 15.60 บาท ซึ่งเมื่อเทียบกับราคาปิดของหุ้น ณ วันที่ 18 มีนาคม 2568 ที่ระดับ 10.80 บาท จะสะท้อนว่ายังมีอัพไซด์ 44.44% ธนาคารกสิกรไทย จำกัด (มหาชน) หรือ KBANK ให้ราคาเป้าหมาย 188.00 บาท ซึ่งเมื่อเทียบกับราคาปิดของหุ้น ณ วันที่ 18 มีนาคม 2568 ที่ระดับ 156.00 บาท จะสะท้อนว่ายังมีอัพไซด์ 20.51% ธนาคารกรุงไทย จำกัด (มหาชน) หรือ KTB ให้ราคาเป้าหมาย 27.00 บาท ซึ่งเมื่อเทียบกับราคาปิดของหุ้น ณ วันที่ 18 มีนาคม 2568 ที่ระดับ 23.50 บาท จะสะท้อนว่ายังมีอัพไซด์ 14.89% บริษัท เซ็นทรัล รีเทล คอร์ปอเรชั่น จำกัด (มหาชน) หรือ CRC ให้ราคาเป้าหมาย 44.00 บาท ซึ่งเมื่อเทียบกับราคาปิดของหุ้น ณ วันที่ 18 มีนาคม 2568 ที่ระดับ 27.00 บาท จะสะท้อนว่ายังมีอัพไซด์ 62.96% บริษัท พีทีที โกลบอล เคมิคอล จำกัด (มหาชน) หรือ PTTGC ให้ราคาเป้าหมาย 30.00 บาทซึ่งเมื่อเทียบกับราคาปิดของหุ้น ณ วันที่ 18 มีนาคม 2568 ที่ระดับ 18.10 บาท จะสะท้อนว่ายังมีอัพไซด์ 65.74% อย่างไรก็ดี UBS เชื่อว่า หุ้นในกลุ่มดังกล่าวมีโอกาสที่จะได้รับประโยชน์จากปัจจัยต่างๆ เช่น การฟื้นตัวของเศรษฐกิจไทย การขยายตัวของการบริโภคในประเทศ และความต้องการสินค้าพลังงานที่เพิ่มขึ้น ส่งผลให้หุ้นเหล่านี้มีแนวโน้มที่จะสามารถให้ผลตอบแทนที่เหนือกว่าค่าเฉลี่ยของตลาดในช่วงปีนี้ สำหรับการปรับเพิ่มการแนะนำของ UBS จึงเป็นสัญญาณบวกสำหรับนักลงทุนต่างชาติที่ต้องการเข้าสู่ตลาดหุ้นไทย พร้อมกับคาดหวังผลตอบแทนที่น่าสนใจในระยะเวลาอันใกล้