เศรษฐกิจเกาหลีใต้

หลังจากธนาคารกลางเกาหลีใต้ เปิดเผยตัวเลขผลิตภัณฑ์มวลรวมภายในประเทศ (GDP) ขยายตัวเพียง 0.1% ช่วงไตรมาส 3/2567 เหตุด้วยเศรษฐกิจถูกกระทบจากการชะลอตัวลงของดีมานด์ในประเทศและการส่งออก จนทำให้กองทุนการเงินระหว่างประเทศ (IMF) ปรับลดคาดการณ์การขยายตัวของเศรษฐกิจเกาหลีใต้ปี 2567 และ 2568 โดยปรับลดตัวเลขคาดการณ์เศรษฐกิจปี 2567 ลงสู่ระดับ 2.2% จากระดับ 2.5% และปรับลดตัวเลขคาดการณ์เศรษฐกิจปี 2568 ลงสู่ระดับ 2% จากระดับ 2.2% พร้อมระบุว่า “เศรษฐกิจเกาหลีใต้ซึ่งพึ่งพาการส่งออกนั้น มีแนวโน้มที่จะเผชิญกับความเสี่ยงหลายด้าน รวมถึงการชะลอตัวของบรรดาประเทศคู่ค้า ความตึงเครียดด้านภูมิเศรษฐศาสตร์และราคาสินค้าโภคภัณฑ์ที่สูงขึ้นอันเนื่องมาจากความขัดแย้งในตะวันออกกลาง ล่าสุด “เกาหลีใต้” ปรับลดการคาดการณ์การเติบโตทางเศรษฐกิจปี 2568 จาก 2.20-2.60% มาเป็น 1.80% สะท้อนถึงแรงกดดันจากการบริโภคภาคเอกชนที่อ่อนแอลง การส่งออกที่ชะลอตัว รวมถึงผลกระทบจากการปลดประธานาธิบดียุน ซอก-ยอล กรณีประกาศกฎอัยการศึกและความเสี่ยงจากแผนการขึ้นภาษีของโดนัลด์ ทรัมป์ อาจกระทบต่อเศรษฐกิจของเกาหลีใต้ ที่พึ่งพาการค้าระหว่างประเทศ กระทรวงการคลังเกาหลีใต้ ระบุว่า ความไม่แน่นอนทั่วโลกเป็นความเสี่ยงหลักต่อเศรษฐกิจของประเทศ เพราะอาจกระทบความต้องการชิปหน่วยความจำ อาจทำให้เกิดการปรับฐานและการแข่งขันระหว่างประเทศเศรษฐกิจ ที่พึ่งพาการส่งออกอาจเพิ่มขึ้น นอกจากนี้รัฐบาลมีความกังวลถึงการไหลออกของทุนไปยังสหรัฐฯ และสถานการณ์ทางการเมืองในประเทศ โดยมีการแถลงแผนกระตุ้นเศรษฐกิจ ด้วยการเร่งใช้จ่ายงบประมาณช่วงครึ่งแรกปี 2568 และออกมาตรการผ่อนคลายกฎระเบียบเพื่อเร่งกระบวนการดังกล่าว หากมีความจำเป็นหลังประเมินสภาพเศรษฐกิจไตรมาส 1/2568 และรัฐบาลจะพิจารณาออกมาตรการเพิ่มเติม แต่เนื่องจากฝ่ายค้านที่มีเสียงข้างมากในรัฐสภามีการปรับลดงบประมาณการใช้จ่ายประจำปีลง ทำให้มีการคาดการณ์ว่ารัฐบาลจะต้องร่างงบประมาณเพิ่มเติมตั้งแต่ไตรมาส 1/2568 เนื่องจากความไม่สงบทางการเมือง ส่งผลกระทบต่อนักลงทุนปี 2567 ดัชนี Kospi ของเกาหลีใต้และสกุลเงินวอนมีการปรับลดลง 10% และ 13% ตามลำดับ นอกจากนี้ความเชื่อมั่นของผู้บริโภค ยังอยู่ในระดับต่ำสุดติดต่อกันมาเป็นเวลา 2 ปี เพื่อสนับสนุนความเชื่อมั่นนี้ กระทรวงการคลังเกาหลีใต้ จึงประกาศแผนขยายการยกเว้นภาษีสำหรับการใช้จ่ายช่วงครึ่งแรกปี 2568 รวมถึงลดภาษีสำหรับการซื้อรถยนต์ลง 30% และเตรียมออกมาตรการภาษีสำหรับบริษัทที่เพิ่มเงินเดือนพนักงานอีกด้วย ขณะที่ธนาคารกลางเกาหลีใต้ (BOK) ประกาศว่า ปีนี้จะปรับลดอัตราดอกเบี้ยอย่างยืดหยุ่น แม้จะอยู่ท่ามกลางความไม่แน่นอนทางการเมืองและเศรษฐกิจที่เพิ่มสูงขึ้น เช่นเดียวกับกระทรวงการคลัง ประกาศเตรียมแผนสำรองเพื่อใช้รักษาเสถียรภาพของตลาดการเงินหากมีความจำเป็นและสัญญาที่จะร่วมมือกับประเทศใหญ่เพื่อที่จะบรรเทาความผันผวน นี่จึงเป็นสัญญาณชัดเจนว่าเกาหลีใต้ กำลังเผชิญ “มรสุมการเมือง” และ “ความผันแปรทางเศรษฐกิจ” อันเปราะบางอย่างยิ่ง..!!??