เหมืองขุดคริปโทเคอร์เรนซี

นายเทพรัตน์ เทพพิทักษ์ กรรมการผู้จัดการใหญ่ บริษัท ผลิตไฟฟ้า จำกัด (มหาชน) หรือ EGCO เปิดเผยว่า บริษัทฯ อยู่ระหว่างการพิจารณาในการขายไฟให้กับบริษัทที่ทำธุรกิจเหมืองขุดคริปโทเคอร์เรนซี หลังจากในช่วงที่ผ่านมามีผู้ประกอบการเข้ามาเชิญชวนให้บริษัทฯ ไปร่วมลงทุนหรือขายไฟฟ้าให้กับธุรกิจที่เกี่ยวกับเหมืองขุดคริปโทฯ เป็นจำนวนมาก ซึ่งปัจจุบันโรงไฟฟ้าของบริษัทส่วนใหญ่ได้มีสัญญาซื้อขายระยะยาวเต็มกำลังการผลิตแล้ว แต่ก็ยังมีโรงไฟฟ้าบางส่วนที่สามารถเพิ่มกำลังการผลิตได้ ส่วนการลงทุนในธุรกิจที่เกี่ยวเนื่องกับสินทรัพย์ดิจิทัล ในปีที่ผ่านมาบริษัทฯ ได้เข้าลงทุนในบริษัท เพียร์ พาวเวอร์ จำกัด ซึ่งเป็นสตาร์ทอัพในธุรกิจเทคโนโลยีด้านการเงิน (Fintech) โดยส่วนหนึ่งของธุรกิจของเพียร์ พาวเวอร์ได้ลงทุนในธุรกิจเหมืองขุดคริปโทฯ ด้วยเช่นกัน ซึ่งปัจจุบันมีเครื่องขุดบิทคอยน์ อยู่ประมาณ 145 เครื่อง และล่าสุดนับตั้งแต่เดือนม.ค.ที่ผ่านมาธุรกิจดังกล่าวสามารถขุดเหรียญบิทคอยน์ได้แล้วจำนวน 2 เหรียญ ขณะเดียวกันบริษัทฯ ก็อยู่ระหว่างศึกษาการลงทุนในธุรกิจแบตเตอรี่สำหรับยานยนต์ไฟฟ้า (EV) ซึ่งเป็นธุรกิจที่มีศักยภาพและมีความต้องการของตลาดจำนวนมากในอนาคต โดยที่ผ่านมามีการเจรจาหรือทำ MOU กับพันธมิตรบางรายแล้ว และปัจจุบันก็อยู่ระหว่างการคัดเลือกเทคโนโลยีที่เหมาะสมกับการเข้าไปลงทุน ส่วนการลงทุนนั้นจะทำผ่านบริษัท EGCO โดยตรงเองหรือผ่านบริษัทลูกในเครือก็ยังอยู่ระหว่างการพิจารณา สำหรับราคาพลังงาน ทั้งราคาน้ำมันและก๊าซธรรมชาติที่ปรับตัวเพิ่มสูงขึ้นอย่างต่อเนื่อง บริษัทฯ ยืนยันว่าไม่ได้รับผลกระทบมากนัก เพราะต้นทุนเชื้อเพลิงโรงไฟฟ้าส่วนใหญ่ของบริษัทถูกส่งต่อ (Passthrough) ไปยังการไฟฟ้าฝ่ายผลิตแห่งประเทศไทย (กฟผ.) ซึ่งเป็นผู้ซื้อไฟได้ทั้งหมด ส่วนอัตราดอกเบี้ยที่มีแนวโน้มเพิ่มสูงขึ้น เชื่อว่าไม่กระทบต่อสัญญาเงินกู้ในปัจจุบันที่ได้ทำอัตราดอกเบี้ยคงที่ไว้แล้ว จึงทำให้สัญญาเงินกู้เดิมที่มีอยู่จะไม่ได้รับผลกระทบดังกล่าว ส่วนด้านแหล่งเงินทุนใหม่อาจจำเป็นต้องโครงการที่ให้ผลตอบแทนที่สูงขึ้นตามไปด้วยเพื่อชดเชยต้นทุนการเงินที่เพิ่มขึ้น นอกจากนี้บริษัทฯ ได้วางงบลงทุนรวม 5 ปี (2564-2568) ที่ 150,000 ล้านบาท เพื่อมุ่งเสริมความแข็งแกร่งในด้านธุรกิจโรงไฟฟ้า ขยายสัดส่วนพลังงานหมุนเวียน และ Smart Energy Solution เพื่อต่อยอดธุรกิจเชื้อเพลิงและสาธารณูปโภค โดยวงเงินดังกล่าวจะมาจากเงินสดภายในกิจการและการกู้เงินจากธนาคารพาณิชย์ รวมถึงยังมีแผนออกหุ้นกู้วงเงินไม่เกิน 30,000 ล้านบาท ซึ่งได้รับการอนุมัติจากผู้ถือหุ้นเรียบร้อยแล้ว