เอ็น-สแควร์ อีคอมเมิร์ซ

นายชูเดช คงสุนทร กรรมการผู้จัดการ ฝ่ายพัฒนาธุรกิจ บริษัท ไวส์ โลจิสติกส์ จำกัด (มหาชน) หรือ WICE เปิดเผยว่า บริษัทร่วมมือทางธุรกิจกับบริษัท เอ็น-สแควร์ อีคอมเมิร์ซ จำกัด ผู้นำด้านการจัดจำหน่ายและให้บริการอีคอมเมิร์ซครบวงจร เพื่อเพิ่มบริการใหม่ให้กับลูกค้า โดยให้บริการขนส่งสินค้าจากประเทศต้นทางไปยังกลุ่มลูกค้าในประเทศ และ จัดการคลังสินค้าแบบพร้อมส่ง (Fulfillment Center) ซึ่งความร่วมมือครั้งนี้นอกจากเป็นการเพิ่มปริมาณงานให้กับบริษัทแล้ว ยังเป็นการขยายฐานลูกค้าเดิมไปยังกลุ่ม B2B2C (Business-to-Business-to-Customer) ในอนาคต ทั้งนี้ บริษัทคาดว่าจะสามารถเพิ่มพื้นที่คลังสินค้าพร้อมบริหารจัดการคลังแบบอีคอมเมิร์ซ เพื่อรองรับความร่วมมือดังกล่าวประมาณ 3,000-5,000 ตารางเมตร นอกจากนี้ บริษัทมีเป้าหมายการเพิ่มพื้นที่การให้บริการคลังสินค้าภายใต้การบริหารของบริษัท ไวส์ ซัพพลายเชน โซลูชั่นส์ จำกัด (บริษัทย่อย) จำนวน 20,000 – 30,000 ตารางเมตร ครอบคลุมพื้นที่นิคมอุตสาหกรรมแหลมฉบัง และ กรุงเทพฯฝั่งตะวันออก ภายในปี 2566 “บริษัทมีความยินดีเป็นอย่างยิ่งที่ได้ร่วมมือทางธุรกิจกับบริษัท เอ็น-สแควร์ อีคอมเมิร์ซ จำกัด โดยเป็นการผนวกกันระหว่างความเชี่ยวชาญด้านโลจิสติกส์และการให้บริการทุกช่องทางการขนส่งที่มีประสิทธิภาพ กับความเชี่ยวชาญด้านอีคอมเมิร์ซโซลูชั่น และการทำตลาดออนไลน์ในรูปแบบ อีดิสตริบิวเตอร์ โดยใช้เทคโนโลยี และดิจิตอลมาร์เก็ตติ้งในการบริหารการขายสินค้า ซึ่งถือเป็นการเสริมศักยภาพการให้บริการให้ก้าวไปอีกขั้นหนึ่ง นอกจากนี้กลุ่มลูกค้าของทั้งสองบริษัทยังได้ประโยชน์จากการให้บริการที่ครบวงจรยิ่งขึ้น คาดว่าความร่วมมือกันในครั้งนี้จะสามารถสร้างรายได้ให้กับบริษัทประมาณ 100 ล้านบาท โดยเริ่มรับรู้รายได้ในช่วงปี 2566” นายชูเดช กล่าว ด้านนายนัฐพล บุญภินนท์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท เอ็น-สแควร์ อีคอมเมิร์ซ จำกัด ผู้ให้บริการบริหารช่องทางและกลยุทธ์ ครอบคลุมบริการคลังสินค้า, การบริการลูกค้า, การวิเคราะห์ และ โซลูชั่นการตลาดออนไลน์ ให้แก่บริษัทชั้นนำมากกว่า 100 ราย กล่าวถึงความร่วมมือกันในครั้งนี้ ว่าเป็นการขยายศักยภาพของบริษัทในการเป็นอีดิสตริบิวเตอร์ ผู้จัดจำหน่ายและบริหารช่องทางการขายอีคอมเมิร์ซแบบครบวงจรผ่านทางออนไลน์ที่แข็งแกร่ง โดยเชื่อมต่อกลุ่มลูกค้าของบริษัท ไวส์ โลจิสติกส์ จำกัด (มหาชน) เข้ากับบริการและฐานลูกค้าของบริษัทที่หลากหลาย ครอบคลุมพื้นที่ทั่วภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ ได้แก่ สิงคโปร์ มาเลเซีย ฟิลิปปินส์ อินโดนีเซีย และ เวียดนาม นอกจากนี้ยังเป็นการเพิ่มโอกาสการรับงานใหม่ๆให้กับทั้งสองบริษัท โดยมีแผนการเข้ารับงานในกลุ่มลูกค้าหลักที่มีมาร์จิ้นสูง ได้แก่ กลุ่มอุตสาหกรรมอิเล็กทรอนิกส์,เครื่องใช้ไฟฟ้าภายในบ้าน,เฟอร์นิเจอร์ตกแต่งบ้าน และ คอนซูเมอร์ โปรดักส์