แกร็บ โฮลดิ้งส์

ผู้สื่อข่าวรายงาน วันนี้ (4 ก.พ. 68) สำนักข่าวบลูมเบิร์ก เปิดเผยว่า บริษัท แกร็บ โฮลดิ้งส์ จำกัด (Grab Holdings Ltd.) กำลังพิจารณาควบรวมกิจการกับคู่แข่งอย่าง โกทู กรุ๊ป (GoTo Group) มูลค่ากว่า 7 พันล้านดอลลาร์ คิดเป็นเงินไทยราว 2.36 แสนล้านบาท โดยแหล่งข่าวเผยว่าหนึ่งในแผนที่กำลังพูดคุยกันคือการเข้าซื้อหุ้นทั้งหมดของ โกทู ในราคาที่สูงกว่า 100 รูเปียห์ต่อหุ้น ซึ่งสูงกว่าราคาตลาดในปัจจุบันราว 20% ทั้งนี้ การเจรจาระหว่างทั้งสองฝ่ายเข้มข้นขึ้นในช่วงไม่กี่สัปดาห์ที่ผ่านมา โดยทั้งสองบริษัทเล็งเห็นว่าปี 2568 น่าจะเป็นจังหวะที่เหมาะในการทำดีล ทั้งสองบริษัทซึ่งเป็นผู้นำตลาดแอปเรียกรถในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ได้พูดคุยเรื่องนี้มานานหลายปีแล้ว โดยหวังว่าการควบรวมกิจการจะช่วยลดต้นทุนและบรรเทาการแข่งขันที่ดุเดือดในตลาดที่มีผู้บริโภคกว่า 650 ล้านคน ด้านราคาหุ้นโกทูในตลาดจาการ์ตาพุ่งแรงถึง 9.9% ส่งผลให้ราคาหุ้นในปีนี้เพิ่มขึ้นกว่า 20% ขณะที่ หุ้น Grab ในตลาดนิวยอร์กปรับตัวลง 4% นับตั้งแต่ต้นปี 2568 เมื่อรวมมูลค่าตลาดของทั้งสองบริษัทแล้วสูงเกือบ 2.5 หมื่นล้านดอลลาร์ ใกล้เคียงกับมูลค่าของบริษัทยักษ์ใหญ่หลายแห่งในภูมิภาคนี้ ทั้งนี้ Grab ของสิงคโปร์ที่มี บริษัทอูเบอร์ เทคโนโลยีส์ (Uber Technologies Inc.) เป็นผู้สนับสนุน และ โกทู ที่มี บริษัท ซอฟต์แบงก์ กรุ๊ป (Softbank Group Corp.) เป็นหนึ่งในนักลงทุน ต่างก็เริ่มมีแนวโน้มทำกำไรได้หลังจากเข้าตลาดหลักทรัพย์เมื่อไม่กี่ปีที่ผ่านมา แต่การแข่งขันแย่งลูกค้าทำให้ต้องตรึงราคาไว้ จนไปกระทบการทำกำไร นอกจากนี้ แหล่งข่าวระบุว่าที่ผ่านมา การควบรวมกิจการติดขัดจากหลายสาเหตุทั้งความเห็นไม่ตรงกันของทั้งสองฝ่ายและความกังวลเรื่องการผูกขาดตลาด เพราะทั้งสองบริษัทต่างก็มีอิทธิพลสูงในตลาดอย่างอินโดนีเซียและสิงคโปร์ นอกจากนี้ การเจรจาครั้งนี้อาจไม่สำเร็จก็เป็นได้ ขณะเดียวกัน การเติบโตของทั้งสองบริษัทก็ชะลอตัวลงมากจากที่เคยเติบโตเป็นหลักร้อยเปอร์เซ็นต์ในช่วงหลายปีก่อน เนื่องจากลูกค้าในภูมิภาคระมัดระวังการใช้จ่ายมากขึ้นจากภาวะเงินเฟ้อและดอกเบี้ยที่พุ่งสูง ยอดความต้องการใช้บริการเพิ่มขึ้นช้าลงตามฐานลูกค้าที่ขยายตัว และผู้บริโภคก็ไม่ค่อยอยากเรียกรถหรือสั่งอาหารเดลิเวอรี่มากนักในช่วงที่เศรษฐกิจยังไม่ค่อยดี สำหรับ GoTo Group (โกทู กรุ๊ป) คือ กลุ่มบริษัทที่เป็นผู้นำในธุรกิจเทคโนโลยีของ อินโดนีเซีย โดยเป็นการรวมตัวของ Gojek และ Tokopedia ซึ่งเป็นสองบริษัทที่มีชื่อเสียงในตลาดอินโดนีเซีย ก่อนที่จะมารวมตัวกันเป็น GoTo Group ในปี 2564 เพื่อสร้างแพลตฟอร์มบริการที่ครอบคลุมหลายด้านทั้งในเรื่องของการขนส่ง (Gojek) และการค้าปลีกออนไลน์ (Tokopedia) ในปัจจุบัน GoTo Group เป็นหนึ่งในบริษัทที่ใหญ่ที่สุดในอินโดนีเซีย โดยมีบริการหลากหลายตั้งแต่การส่งอาหาร การขนส่งสินค้า การชำระเงินออนไลน์ การช็อปปิ้งออนไลน์ และการให้บริการทางการเงินต่างๆ ผ่านแพลตฟอร์มของบริษัท GoTo Group ได้รับการสนับสนุนจากนักลงทุนรายใหญ่และเป็นหนึ่งในบริษัทที่มีมูลค่าสูงในภูมิภาคนี้