แท็กซ์//เดลต้า อีเลคโทรนิคส์ (ประเทศไทย)

“ข่าวหุ้นธุรกิจออนไลน์” ได้สำรวจราคาหุ้นบริษัทจดทะเบียนในกลุ่ม “อิเล็กทรอนิกส์” ปรับตัวขึ้นแรง และราคาปรับตัวลดลงแรง รอบ 7 เดือนแรกของปี 67 มานำเสนอ โดยเปรียบเทียบข้อมูลราคาหุ้นปิด ณ วันที่ 28 ธ.ค. 66 – 31 ก.ค.67 ประกอบด้วย 4 หุ้น ได้แก่ บริษัทเดลต้า อีเลคโทรนิคส์ (ประเทศไทย) จำกัด (มหาชน) หรือ DELTA, บริษัท ฮานา ไมโครอิเล็คโทรนิคส จำกัด (มหาชน) หรือ HANA, บริษัท เคซีอี อีเลคโทรนิคส์ จำกัด (มหาชน)หรือ KCE และบริษัท แคล-คอมพ์ อีเล็คโทรนิคส์ (ประเทศไทย) จำกัด (มหาชน)หรือ CCET สำหรับราคาหุ้นกลุ่มอิเล็กทรอนิกส์ในช่วง 7 เดือนแรกของปี 67 ราคาหุ้นมีการปรับตัวลดลงมาต่อเนื่อง สาเหตุจากผลประกอบการออกมาต่ำกว่าคาด รวมถึงหุ้นเทคโนโลยียังปรับลงตามดัชนี NASDAQ ของสหรัฐ จากแรงกดดันเงินเฟ้อสหรัฐสูงขณะที่ล่าสุดตลาดหุ้นทั่วโลกกังวลเศรษฐกิจสหรัฐถดถอย ส่งผลเผชิญภาวะการเทขายอย่างหนัก ทำให้หุ้นกลุ่มอิเล็กทรอนิกส์ส่วนใหญ่ปรับราคาลงต่อเนื่อง อย่างไรก็ดี ภาพรวมหุ้นกลุ่มดังกล่าว Earning เริ่มดี เริ่มมีการปรับตัวฟื้นขึ้นมา ทำให้ Valuation สมเหตุสมผลมากขึ้น โดยพบทางฝ่ายนักวิเคราะห์บางส่วนได้ทยอยออกบทวิเคราะห์สำหรับหุ้นกลุ่มอิเล็กทรอนิกส์ คาดการณ์แนวโน้มครึ่งหลังของปี 67 จะกลับมาฟื้นตัวต่อเนื่อง สำหรับราคาหุ้น DELTA รอบ 7 เดือนแรก โดยในวันที่ 28 ธ.ค.66 ราคาหุ้นปิดตลาดที่ระดับ 88.00 บาท ปรับตัวขึ้นมา15.91% อยู่ที่ระดับ 102.00 บาท ณ ราคาหุ้นปิดตลาดวันที่ 31 ก.ค.67 เนื่องจากผลประกอบการออกเติบโตแข็งแกร่ง รับยอดขายเพิ่มขึ้น และยังได้รับอานิสงส์จากผลประกอบการ “อินวิเดีย” ผู้ผลิตชิปประกาศผลประกอบการไตรมาส 1/68 กำไรและรายได้สูงกว่าคาด ส่งผลให้ราคาทะยานเหนือ 1,000 เหรียญ บล.กรุงศรี ระบุว่า มองว่าสินค้าที่เกี่ยวข้องกับ AI ที่ช่วยหนุนกำไรของ DELTA จะยิ่งแข็งแกร่งขึ้นอีกในครึ่งปีหลัง และในปี 68 ดังนั้น จึงปรับเพิ่มประมาณการกำไรปี 67ของ DELTA เพิ่มขึ้นอีก 11% เช่นเดียวกับ นักวิเคราะห์ในตลาดที่ พากันปรับเพิ่มประมาณการกำไรซึ่งทำให้ consensus ขยับสูงขึ้นด้วย ทั้งนี้ จึงมองว่าธีมการปรับเพิ่มประมาณการอัตราการเติบโตของ EPS ตาม consensus จะเป็นปัจจัยสำคัญที่ขับเคลื่อนราคาหุ้นDELTA ดังนั้น จึงปรับเพิ่มคำแนะนำจากถือเป็น “ซื้อ” โดยประเมินราคาเป้าหมายปี 68ใหม่ที่ 110 บาท ขณะที่ราคาหุ้น CCET รอบ 7 เดือนแรกปี 67 โดยในวันที่ 28 ธ.ค.66 ราคาหุ้นปิดตลาดที่ระดับ 2.08 บาท ปรับตัวขึ้นมา78.85% อยู่ที่ระดับ 3.72 บาท ณ ราคาหุ้นปิดตลาดวันที่ 31 ก.ค.67เป็นผลมาจากกระแสความน่าสนใจของธุรกิจ AI รวมถึง SSD และ EV ส่งผลให้บริษัทมีลูกค้ามากมาย ทั้งลูกค้าโรงงาน และในต่างประเทศ อีกทั้งคาดการณ์แนวโน้มครึ่งปีหลังเติบโตต่อเนื่อง รับคำสั่งซื้อสินค้ามาร์จิ้นสูงจากกลุ่มลูกค้าทั่วโลกได้ มั่นใจว่าภาพรวมของผลการดำเนินงานในปี 67 จะเติบโตได้ก้าวกระโดด บล.เคจีไอ (ประเทศไทย)ระบุว่าประเมินรายได้ของ CCET จะเริ่มฟื้นตัวตั้งแต่ไตรมาส 3/67เป็นต้นไป โดยอุปสงค์อุปกรณ์จัดเก็บข้อมูลประเภท Solid state drive (SSDs) จะแข็งแกร่งต่อเนื่องทั้งสำหรับการใช้งานทั่วไปและการใช้งานระดับองค์กร รวมถึงการ Re-stock สินค้ากลุ่มเครื่องพิมพ์ จะเริ่มเกิดขึ้นอีกครั้งในไตรมาส 3/67 นอกจากนี้CCET วางแผนที่จะเปิดศูนย์ Refurbishment center เพื่อรองรับความต้องการของลูกค้าหลักในรูปแบบการให้บริการครบวงจร ซึ่งประเมินว่าการจัดตั้งศูนย์Refurbishment center จะเป็นกลยุทธใหม่ที่ช่วยสร้างความสัมพันธ์อันดีกับลูกค้าหลักในระยะยาว อย่างไรก็ดี ยังยึดหลักอนุรักษ์นิยมในการกำหนดสมมติฐานอัตรากำไรขั้นต้นเนื่องจากในช่วงเริ่มต้นเปิดโรงงานแห่งใหม่ ยังต้องติดตามเรื่องของประสิทธิภาพการผลิต โดยในเชิงพื้นฐานยังคงคำแนะนำ “ซื้อ” และปรับราคาเป้าหมายขึ้นเป็น4.3 บาท โดยราคาหุ้น HANA รอบ 7 เดือนแรกปี 67โดยในวันที่ 28 ธ.ค.66 ราคาหุ้นปิดตลาดที่ระดับ 53.25 บาท ปรับตัวลงมา12.67% อยู่ที่ระดับ 46.50 บาท ณ ราคาหุ้นปิดตลาดวันที่ 31 ก.ค.67สาเหตุจากผลประกอบการออกมาไม่ค่อยดี ส่งผลให้ยอดขายปรับตัวลดลง รวมถึงกังวลกรณีที่สหรัฐอเมริกามีความเข้มงวดในการส่งออกชิปไปยังประเทศจีน ทำให้เกิดเซนติเมนต์เชิงลบ บล.ฟินันเซีย ไซรัสระบุว่าHANA มีโอกาสเห็นราคาฟื้นตัวระยะสั้นหลังจากปรับลงแรงวานนี้ ยังคงมุมมองเชิงบวกต่อแนวโน้มกำไรไตรมาส 2/67ที่คาดการณ์ว่าจะกลับมาเติบโตแข็งแกร่ง 55% จากไตรมาสก่อนหน้าอยู่ที่ 485 ล้านบาท และจะทยอยฟื้นตัวและเร่งตัวขึ้นในครึ่งหลังของปี 67ซึ่งภาพรวมกลุ่ม PCB ยังมีคำสั่งซื้อดีต่อเนื่อง โดยเฉพาะโรงงานลำพูนได้มาร์เก็จแชร์เพิ่มขึ้น ประกอบกับโรงงานที่จีน และสหรัฐอเมริกายังแข็งแกร่ง ทั้งนี้ คาดการณ์ว่า HANA จะเป็นหนึ่งผู้ที่ได้ประโยชน์จากกลุ่ม Consumer Electronics ที่ถึงรอบการเปลี่ยนอุปกรณ์และมีแรงหนุนจากการฝัง AI เข้าไปในอุปกรณ์ โดยประเมินกำไรปี 67 อยู่ที่ 2.2 พันล้านบาท เพิ่มขึ้น 9% เมื่อเทียบกับงวดเดียวกันของปีก่อนราคาหุ้นปรับตัวลงทำให้ปัจุจบันเทรดค่า PER ที่ 15 เท่า นอกจากนี้ราคาหุ้น KCEรอบ 7 เดือนแรกปี 67 โดยในวันที่ 28 ธ.ค.66 ราคาหุ้นปิดตลาดที่ระดับ 55.00 บาท ปรับตัวลงมา19.09% อยู่ที่ระดับ 44.50 บาท ณ ราคาหุ้นปิดตลาดวันที่ 31 ก.ค.67 สาเหตุจากผลประกอบการออกมาต่ำกว่าคาด ประกอบกับสภาวะเศรษฐกิจที่ยังไม่ฟื้นตัวอย่างภาพรวมอุตสาหกรรมรถยนต์ยังคงอ่อนแอ บล.อินโนเวสท์ เอกซ์ ระบุว่า KCE มองเป็นหุ้น Global Play ผลประกอบการฟื้นตัวตามเศรษฐกิจโลกระยะสั้นได้เซนติเมนต์บวกจากราคาทองแดงลดลง คาดการณ์ปี 67 กำไรปกติเติบโต 44.70% เมื่อเทียบกับงวดเดียวกันของปีก่อน ส่วนคาดการณ์กำไรไตรมาส 2/67 เติบโตเมื่อเทียบกับงวดเดียวกันของปีก่อน และจากไตรมาสก่อนหน้า จากคําสั่งซื้อค้างส่งของ special grade PCB (HDI) ส่วนครึ่งหลังของปี 67 เข้าสู่ช่วงไฮซีซั่นและมาร์จิ้นดีขึ้นจากการลดต้นทุน