แท่นขุดเจาะน้ำมัน

บริษัทบีพีและเชฟรอน สองบริษัทพลังงานรายใหญ่ของโลกประกาศปิดแท่นขุดเจาะน้ำมันนอกชายฝั่งอ่าวเม็กซิโกในวันจันทร์ (26 ก.ย.65) เพื่อหลีกเลี่ยงผลกระทบของพายุเฮอร์ริเคนเอียน (Ian) ที่กำลังเคลื่อนตัวเข้าใกล้อ่าวเม็กซิโกซึ่งเป็นภูมิภาคหลักที่ผลิตน้ำมันนอกชายฝั่งของสหรัฐ โดยศูนย์เฮอร์ริเคนแห่งชาติของสหรัฐ (NHC) ระบุว่า พายุเอียนซึ่งมีความรุนแรงระดับ 2 ได้ก่อตัวขึ้นในทะเลแคริบเบียนและมีแนวโน้มที่จะกลายเป็นพายุเฮอร์ริเคนลูกใหญ่ภายใน 2 วันนี้ โดยพายุดังกล่าวเคลื่อนตัวด้วยความเร็วลม 100 ไมล์/ชั่วโมง (161 กิโลเมตร/ชั่วโมง) และคาดว่าจะทวีความรุนแรงมากขึ้นในขณะเคลื่อนตัวผ่านบริเวณน่านน้ำอุ่นของอ่าวเม็กซิโก พายุเอียนเป็นพายุลูกแรกของปีนี้ที่จะส่งผลกระทบต่อการผลิตน้ำมันและก๊าซในอ่าวเม็กซิโกของสหรัฐ ซึ่งสามารถผลิตน้ำมันดิบได้ในอัตราส่วน 15% ของการผลิตน้ำมันดิบทั่วประเทศ และผลิตก๊าซธรรมชาติในอัตราส่วน 5% ของการผลิตก๊าซทั่วประเทศ ทั้งนี้ บริษัทบีพีได้ทำการอพยพบุคลากรออกจากแท่นนาคิกา (Na Kika) ซึ่งมีกำลังการผลิตน้ำมัน 130,000 บาร์เรล/วัน และจากแท่นธันเดอร์ ฮอร์ส (Thunder Horse) ซึ่งมีกำลังการผลิตน้ำมัน 250,000 บาร์เรล/วัน "เราจะติดตามสภาพอากาศอย่างใกล้ชิด เพื่อประเมินขั้นตอนการดำเนินการต่อไป" บีพีระบุในแถลงการณ์ ด้านบริษัทเชฟรอนได้เริ่มอพยพบุคลากรทั้งหมดจากแท่นปิโตรเนียส (Petronius) และแท่นบลายด์ เฟธ (Blind Faith) และสั่งปิดการผลิตที่แท่นขุดเจาะทั้งสองแห่งนี้แล้ว โดยแท่นปิโตรเนียสและบลายด์ เฟธสามารถผลิตน้ำมันได้รวมกันในปริมาณ 105,000 บาร์เรล/วัน และผลิตก๊าซได้ในปริมาณ 90 ล้านลูกบากศ์ฟุต/วัน ทั้งนี้เป็นที่น่าจับตามองว่า ราคาหุ้นในกลุ่มน้ำมันมีโอกาสจะปรับตัวขึ้น จาก Sentiment เชิงบวกจากประเด็นดังกล่าว