แบนโซเชียลมีเดีย

สุดสัปดาห์ที่ผ่านมา “ชาวออสเตรเลีย” แสดงปฏิกิริยาและแสดงออกแตกต่างกัน กรณี “การออกกฎห้ามเยาวชนอายุต่ำกว่า 16 ปี ใช้โซเชียลมีเดีย” รัฐบาลออสเตรเลีย ระบุว่า เป็นมาตรการชั้นนำของโลก แต่ยักษ์ใหญ่ด้านเทคโนโลยีอย่าง TikTok โต้แย้งว่าอาจผลักดันให้เยาวชนเข้าสู่ “มุมมืดของอินเทอร์เน็ต” ได้ การอนุมัติการ “แบนโซเชียลมีเดียสำหรับเด็ก” เกิดขึ้นเมื่อ 28 พ.ย. 67 หลังจากมีการถกเถียงกันอย่างดุเดือดรุนแรงทั่วประเทศ โดยเป็นการกำหนดเกณฑ์มาตรฐานให้ทั่วโลกด้วยกฎระเบียบที่เข้มงวดสุดชุดหนึ่ง มุ่งเป้าหมายไปที่บริษัทเทคโนโลยีขนาดใหญ่ โดยกฎหมายบังคับให้บริษัทยักษ์ใหญ่ทางเทคโนโลยี นับตั้งแต่เจ้าของแพลตฟอร์มอินสตาแกรม (Instagram) และ เฟซบุ๊ก (Facebook) อย่างบริษัท เมตา แพลตฟอร์มส (Meta Platforms) จนถึง TikTok ห้ามไม่ให้ผู้เยาว์ล็อกอินเข้าสู่ระบบโซเชียลมีเดีย มิฉะนั้นต้องเผชิญกับค่าปรับสูงสุดถึง 49.5 ล้านดอลลาร์ออสเตรเลีย (หรือเทียบเท่า 32 ล้านดอลลาร์สหรัฐ) โดยจะมีการทดสอบบังคับใช้กฎหมายช่วงเดือนม.ค. 68 และมีผลบังคับใช้ภายในหนึ่งปีหลังจากนั้น.. Anthony Albanese นายกรัฐมนตรีออสเตรเลีย ระบุว่า การที่แพลตฟอร์มต่าง ๆ มีความรับผิดชอบต่อสังคมในการรับรองความปลอดภัยของเด็กเป็นสิ่งสำคัญที่สุด โดยรัฐบาลกำลังพยายามทำให้แน่ใจว่าผู้ปกครองของเด็กจะสามารถเข้าใจในความเห็นที่ต่างกันได้ ช่วงต้นเดือนพ.ย.67 ที่ผ่านมา Albanese ได้ประกาศรายละเอียดของคำสั่งห้าม โดยอ้างถึงความเสี่ยงหลายอย่างต่อสุขภาพกายและสุขภาพจิตของเด็กจากการใช้โซเชียลมีเดียมากเกินไป โดยเฉพาะความเสี่ยงต่อเด็กผู้หญิงจากการแสดงภาพของร่างกายที่เป็นอันตราย และเนื้อหาที่เกลียดชังผู้หญิงซึ่งมุ่งเป้าไปที่เด็กผู้ชาย ขณะเดียวกันบรรดาเด็ก ระบุว่า พวกเขาจะพยายามหาวิธีหลบเลี่ยงจากการห้ามดังกล่าว โดย Emma Wakefield เด็กวัย 11 ขวบ ระบุว่า “ฉันรู้สึกว่าฉันยังคงต้องการโซเชียลมีเดียอยู่ และจะแอบเข้าไปใช้งาน” หลายประเทศรวมถึงฝรั่งเศสและบางรัฐของสหรัฐฯ มีการผ่านกฎหมายเพื่อจำกัดการเข้าถึงของผู้เยาว์ โดยไม่ได้รับอนุญาตจากผู้ปกครอง (แต่การห้ามของออสเตรเลีย เป็นการห้ามแบบเด็ดขาด) และกำลังมีการถกเถียงเรื่องกฎหมายอย่างเต็มรูปแบบที่ห้ามไม่ให้เด็กอายุต่ำกว่า 14 ปี ใช้งานโซเชียลมีเดีย ในรัฐฟลอริดา ด้วยเหตุผลเรื่อง “เสรีภาพในการพูด” ทั้งนี้พรรคแรงงานของ Albanese ได้รับการสนับสนุนอย่างมาก จากฝ่ายค้านที่เป็นกลุ่มอนุรักษนิยม โดยกฎหมายดังกล่าวเป็นร่างกฎหมายที่ผ่านสภาของประเทศอย่างรวดเร็ว รัฐบาลออสเตรเลีย ระบุว่า มีการแจ้งให้ทราบล่วงหน้าเพียงพอแล้ว เนื่องจากได้เริ่มหารือเกี่ยวกับกฎดังกล่าว ตั้งแต่ต้นปี โดยได้มีการฟังคำให้การจากบรรดาผู้ปกครองของเด็กที่ทำร้ายตัวเอง เนื่องจากการกลั่นแกล้งทางอินเทอร์เน็ต (cyber bullying) อย่างไรก็ตาม รัฐบาลออสเตรเลีย ถูกวิพากษ์วิจารณ์จากบริษัทโซเชียลมีเดียหลายแห่ง และสมาชิกรัฐสภาบางคน ที่กล่าวว่า “ร่างกฎหมายดังกล่าวขาดการพิจารณาตรวจสอบโดยละเอียดอย่างเหมาะสม” ขณะฝ่ายประชาสัมพันธ์ TikTok ระบุว่า กระบวนการนี้ดำเนินไปอย่างเร่งรีบและมีความเสี่ยงที่จะทำให้เด็กตกอยู่ในอันตรายมากขึ้น.. แหละนี้..คือความท้าทายอย่างยิ่งของรัฐบาลออสเตรเลีย..กับ “การทวนกระแสนาวาภิวัตน์” ส่วนผลลัพธ์จะออกมาอย่างไร..เชื่อว่าทั่วโลกกำลังติดตามอย่างใกล้ชิดเลยทีเดียว