แมนเชสเตอร์ซิตี้

เงินทุนของทีมฟุตบอลอังกฤษในสโมสรฟุตบอลต่าง ๆ ทั้งที่เป็นแชมเปียนชิพและพรีเมียร์ลีกยังคงถูกนักลงทุนต่างชาติถือกันว่าเป็นการลงทุนที่คุ้มค่าที่สุด อย่างล่าสุดชีคกาตาร์ก็เสนอซื้อหุ้น 30% ในทีมแมนเชสเตอร์ยูไนเต็ดด้วยมูลค่าสูงถึง 3,500 ล้านปอนด์จากตระกูลเกลเซอร์ของอเมริกาที่เข้ามาซื้อสโมสรนี้เมื่อ 20 ปีที่แล้วด้วยเงินเพียง 1,500 ล้านปอนด์เท่านั้นเอง แม้ดีลนี้จะไม่เกิดขึ้นเพราะฝ่ายอาหรับเปลี่ยนใจมองว่าราคาที่เสนอขายแพงเกินไปและหันไปสนใจสโมสรที่ถูกกว่าเช่นสโมสรเวสต์แฮมยูไนเต็ดซึ่งอยู่ในพรีเมียร์ลีกเช่นเดียวกัน การที่พวกเศรษฐีอาหรับขนเงินไปซื้อสโมสรฟุตบอลพรีเมียร์ลีกในอังกฤษนับตั้งแต่ทีมแมนเชสเตอร์ซิตี้และล่าสุดเมื่อ 2 ปีก่อนก็ทุ่มเงินอีก 1,000 กว่าล้านปอนด์เข้าไปซื้อทีมสโมสรนิวคาสเซิลยูไนเต็ด ถือได้ว่าฟุตบอลในอังกฤษมีมูลค่าน่าสนใจและคุ้มค่าการลงทุนในอนาคตอย่างยิ่ง ไม่เพียงแต่กลุ่มทุนจากอาหรับที่สนใจซื้อทีมสโมสรฟุตบอลในอังกฤษ กลุ่มทุนอเมริกันก็เข้ามาทุ่มซื้อทีมสโมสรฟุตบอลในอังกฤษเช่นกัน เช่นปีที่ผ่านมาก็เข้าไปซื้อทีมเชลซีจากเศรษฐีรัสเซียโรมัน อิบราโมวิชที่ต้องขายทีมสโมสรด้วยเหตุผลทางการเมืองระหว่างอังกฤษกับรัสเซีย เม็ดเงินลงทุนตอนนี้ทำให้สโมสรฟุตบอลในอังกฤษมีมูลค่าสูงมากขึ้นจนกระทั่งสามารถทุ่มเงินซื้อตัวนักฟุตบอล จนกระทั่งค่าตัวนักฟุตบอลในอังกฤษพุ่งขึ้นสูงลิ่วระดับร้อยล้านปอนด์ขึ้นไป ค่าตัวนักเตะอังกฤษที่เพิ่มขึ้นนั้นทำให้เห็นว่าเงินที่ใช้ซื้อตัวนักเตะเมื่อ 30 ปีที่แล้วอย่างกรณีเทรเวอร์ ฟรานซิสที่เคยเป็นข่าวพาดหัวใหญ่ด้วยเงิน 1.5 ล้านปอนด์กลายเป็นเรื่องจิ๊บจ้อยไปซะแล้ว มูลค่าของทีมและมูลค่าของนักเตะที่เพิ่มขึ้นทุกปีเกิดจากการที่ฟุตบอลอังกฤษได้รับความนิยมสูงสุดระดับโลกจากรายได้ของสโมสรที่มีรายได้หลายทางโดยเฉพาะรายได้จากการถ่ายทอดสดการแข่งขันที่มีลิขสิทธิ์จากบริษัทสื่อทั่วโลกที่มีมูลค่าเหนือกว่าลีกอื่นในยุโรปเช่น อิตาลี ฝรั่งเศส เยอรมัน และสเปน ขณะที่รายได้จากทางอื่นเช่น รายได้จากค่าตั๋วเข้าชมที่บริษัทนำเที่ยวซื้อไปขายต่อให้นักท่องเที่ยวต่างชาติที่มีรายได้เพิ่มขึ้นทุกปี รายได้ที่ท่วมท้นของฟุตบอลอังกฤษนั้นทำให้เม็ดเงินลงทุนของต่างชาติที่เข้าไปทุ่มเงินซื้อสโมสรเป็นขาขึ้นตลอดทุกปี (แม้จะไม่ได้ใช้เงินสดแต่เป็นเงินกู้จากสถาบันการเงินที่พร้อมปล่อยเพราะผลประโยชน์ร่วมกัน) ตัวอย่างที่ชัดเจนคือกรณีที่ทักษิณ ชินวัตร ใช้เงิน 700 ล้านปอนด์เข้าไปซื้อทีมสโมสรแมนเชสเตอร์ซิตี้ที่กำลังมีปัญหาการเงินอย่างรุนแรงและขายต่อให้พวกอาหรับด้วยมูลค่ากว่า 1,500 ล้านปอนด์ในสองปีถัดมา ก็เป็นตัวอย่างของการลงทุนที่ยอดเยี่ยม จนกระทั่งทีมสโมสรแมนเชสเตอร์ซิตี้ในมือของพวกเศรษฐีอาหรับกลายเป็นสโมสรที่ได้แชมป์พรีเมียร์ลีกยาวนานเกือบ 10 ปี มูลค่าที่เพิ่มขึ้นของขนาดธุรกิจในพรีเมียร์ลีกยังคงเชื่อกันว่าจะเติบโตไปอีกนานเพราะปัจจุบันนี้สโมสรชั้นนำของพรีเมียร์ลีกได้มีการปรับปรุงการจัดการทีมโดยผู้จัดการทีมต่างชาติเข้ามาทำให้ลีกนี้น่าสนใจมากขึ้น ทำให้ฐานแฟนบอลขยายไปทั่วโลก โดยเฉพาะตลาดใหญ่อย่างเช่นจีน และญี่ปุ่น ความสำเร็จทางการเงินของทีมฟุตบอลสโมสรอังกฤษเป็นต้นแบบของทุนนิยมที่มีกีฬาเป็นตัวกลางแห่งการสื่อสารของผู้คนในโลก เป็นกรณีเช่นเดียวกับทีมบาสเก็ตบอล NBA และอเมริกันฟุตบอลในสหรัฐฯ และล่าสุดความสำเร็จจากการดึงตัวนักฟุตบอลที่เก่งที่สุดในโลกอย่างลีโอเนล เมสซี่เข้ามาสร้างความคึกคักให้กับเมเจอร์ลีกในสหรัฐฯ ก็เป็นการขยายฟุตบอลในอเมริกา ช่วยให้ตลาดฟุตบอลที่คนอเมริกันรู้จักในนามซอคเกอร์กลายเป็นตลาดฟุตบอลที่ใหญ่ขึ้นไปอีก ทั้งหมดนี้ทำให้ส่งผลถึงทีมฟุตบอลในอังกฤษทางอ้อม ในฐานะที่เป็นลีกฟุตบอลขนาดใหญ่ของโลกไม่ว่าทีมชาติฟุตบอลของอังกฤษจะประสบความสำเร็จในระดับนานาชาติหรือไม่ ความสำเร็จที่น่าอิจฉาของการสร้างมูลค่าให้กับทีมฟุตบอลในอังกฤษเป็นความสำเร็จในโลกทุนนิยมของธุรกิจในด้านกีฬาในโลกทุนนิยมที่เป็นกรณีศึกษาที่น่าสนใจต่อไปอีกยาวนาน