แอ๊บโซลูท แอสเซมบลี

จากกรณีที่ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี สั่งชะลอโครงการจ้างเหมาวิ่งรถเมล์ EV จำนวน 224 คัน เมื่อสัปดาห์ที่ผ่านมา บริษัท หลักทรัพย์ที่ปรึกษาการลงทุน เอฟเอสเอส อินเตอร์เนชั่นแนล จำกัด หรือ FSSIA แสดงความเห็นว่า โครงการนี้เป็นคนละส่วนกับโครงการจ้างเหมาวิ่งรถเมล์ EV 2,000 คัน ใน 71 เส้นทางเดินรถใหม่ และ 10 เส้นทางเดินรถเก่า ที่บริษัทหลักทรัพย์ บียอนด์ จำกัด (มหาชน) หรือ BYD ชนะประมูลโครงการ เนื่องจากโครงการจ้างเหมาวิ่งรถเมล์ EV 224 คันอยู่ภายใต้การดูแลขององค์การขนส่งมวลชนกรุงเทพ (ขสมก.) ในขณะที่โครงการที่ BYD ได้สัมปทานเป็นของกรมการขนส่งทางบก ทั้งนี้ แม้ว่า BYD จะมีสถานะเป็นผู้ให้บริการเดินรถโดยสารประจำทาง ที่ต้องมีใบอนุญาตในการเดินรถจากกรมการขนส่งทางบก เพื่อดำเนินการให้บริการเหมือนกับขสมก. แต่ไม่ได้มีส่วนเกี่ยวข้องกันแต่อย่างใด เช่นเดียวกันกับ บริษัท เน็กซ์ พอยท์ จำกัด (มหาชน) หรือ NEX โดย BYD จะส่งมอบรถ EV จำนวน 896 คัน ภายในสิ้นปี 2565 แบ่งเป็น 400 คันในไตรมาส 3 และ 500 คันในไตรมาส 4 โดยรถเมล์ EV ส่วนใหญ่มีความยาว 12 เมตร และมีราคาอยู่ที่ 7 ล้านบาทต่อคัน คิดเป็นมูลค่ารวม 6.2 พันล้านบาท สำหรับคำสั่งซื้อของ NEX และ บริษัท แอ๊บโซลูท แอสเซมบลี จำกัด หรือ AAB ซึ่งเป็นบริษัทในเครือของ บริษัท พลังงานบริสุทธิ์ จำกัด (มหาชน) หรือ EA อีกทั้งโครงการจ้างเหมาวิ่งรถเมล์ EV จำนวน 224 คัน ที่ปรากฏในข่าวเป็นเพียงส่วนหนึ่งของแผนปรับโครงสร้างการเดินรถของขสมก. ที่ต้องการเปลี่ยนรถโดยสารกว่า 2,000 คัน ที่ชะงักมากว่า 2 ปี หากขสมก. สามารถเปิดประมูลสัมปทานจ้างเหมาวิ่งรถเมล์ EV จำนวน 224 คันได้ FSSIA เชื่อว่าจะเป็นผลบวก (upside) กับ BYD มากกว่าเป็นลบ (downside) อย่างที่นักลงทุนกังวล ดังนั้นจึงให้คำแนะนำ “ซื้อ” แก่ EA, NEX และ BYD ส่วนราคาหุ้นที่ลดลงนั้น เกิดจากความเข้าใจผิดเรื่องโครงการจ้างเหมาวิ่งรถเมล์ EV จำนวน 224 คัน ของขสมก. โดยรถเมล์ EV มากกว่า 1,000 คัน จะถูกส่งมอบให้ AAB และ NEX ระหว่างไตรมาส 2 ถึงไตรมาส 4 ในปีนี้ และส่งมอบอีก 896 คัน แก่ BYD โดยจำนวนส่งมอบรถเมล์ EV คาดว่าจะเพิ่มจาก 50-100 คันในไตรมาสที่ 2 เป็น 600-700 คันในไตรมาสที่ 3 ส่วนในไตรมาสที่ 4 รถเมล์ที่จะส่งมอบแก่ BYD จะอยู่ที่ 500 คัน และเพิ่มเป็น 1,200-1,500 คันในปีหน้า เพื่อให้สามารถให้บริการเดินรถครบ 81 เส้นทาง