โทนี่ เฟอร์นันเดซ

มหากาพย์ข่าวฉาว AAV ตลอดทั้งสัปดาห์ กรณีสาวเคราะห์ร้ายแอร์โอสเตสกราบเด็กออทิสติก ซึ่งกลายเป็นประเด็นใหญ่โตและได้เกิดกระแสวิพากวิจารณ์กันในโลกออนไลน์อย่างหนัก หลังจากนั้น 2 บิ๊กบอสใหญ่ AAV ได้บินด่วนเพื่อมาเคลียร์ประเด็นดังกล่าว และขอยืดอกรับผิดเองทั้งหมด และจะเดินทางไปยังหาดใหญ่เพื่อทำการขอโทษครอบครัวของพนักงานแอร์สาวเคราะห์ร้าย แต่แล้วกลุ่มสายการบินแอร์เอเชียก็ได้ยกเลิกเที่ยวบินดังกล่าว เพราะทางครอบครัวของสาวเคราะห์ร้ายแจ้งว่ายังไม่สะดวกพบเวลานี้ โดยเหตุการณ์ดังกล่าวมีเรื่องราว ดังนี้ แม่สั่ง #แอร์กราบ - เมื่อวันที่ 28 ส.ค.ที่ผ่านมา มีคุณแม่รายหนึ่งได้เปิดเผยผ่านเฟซบุ๊ก บ่นถึงการไร้ความรับผิดชอบของแอร์โฮสเตสที่ได้ทำต่อเธอ ด้วยการใช้คำพูดที่ไม่เหมาะสม มาถามถึงความสามารถของลูกสาว ซึ่งไม่ได้เกี่ยวข้องกับปัญหาในการขึ้นเครื่องบิน แถมยังพยายามเอาชนะเธอด้วยการเรียกพนักงานภาคพื้นดินมาและเข้าไปคุยกับกัปตัน รวมถึงไม่บริการอาหารแก่พวกเธอ ขาดจิตสำนึกในการบริการ จึงได้นำเรื่องร้องเรียนไปถึงผู้บริหารสายการบิน เพื่อให้แอร์โฮสเตสกราบ และขอโทษลูกสาวของเธอ โดยเมื่อเหตุการณ์นี้ได้ถูกเผยแพร่จึงถูกวิพากวิจารณ์และโดนโจมตีในโลกออนไลน์อย่างหนัก จึงทำให้ นายธรรศพลฐ์ แบเลเว็ลด์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร สายการบินไทยแอร์เอเชีย ออกมาเปิดเผยว่า บริษัทไม่ได้มีคำสั่งให้แอร์โฮสเตสกราบขอโทษแต่อย่างใด แต่เนื่องจากแอร์โฮสเตสสาวต้องการให้เรื่องนี้จบจึงเสียสละก้มกราบขออภัยผู้โดยสาร บิ๊กบอส AAV บินด่วนมาเคลียร์เอง - ต่อมาช่วงค่ำของวันที่ 7 ก.ย.59 มีรายงานว่า นายโทนี่ เฟอร์นันเดซ ประธานเจ้าหน้าที่บริหารกลุ่มแอร์เอเชีย ได้เดินทางมาประเทศไทยเพื่อจัดการกับสถานการณ์ที่เกิดขึ้นแล้ว และได้โพสต์ภาพขณะเดินทางมาถึงประเทศไทย พร้อมโพสต์ภาพถ่ายคู่กับป้ายโฆษณาสายการบินแอร์เอเชีย โดยต่อมามีผู้ใช้เฟซบุ๊กชาวไทย เข้าไปเขียนคอมเมนต์ใต้ภาพดังกล่าวของนายโทนี่ พร้อมกับถามและให้ข้อมูลว่า นายโทนี่ทราบกรณี #แอร์กราบ ที่กำลังเป็นกระแสข่าวอยู่ในประเทศไทยในขณะนี้หรือไม่ โดยนายโทนี่ เขียนตอบว่า "I am in Bangkok to deal with this situation. Fully aware. My staff always come first. In the heat of situation mistakes happen. As I constantly say my staff come first. I am very very proud of all my staff. Nothing changes." หรือ ผมมากรุงเทพฯ เพื่อจัดการกับสถานการณ์นี้ และทราบเรื่องราวแล้ว พนักงานของผมมาเป็นอันดับแรกเสมอ ท่ามกลางความร้อนแรงของเหตุการณ์นั้นมีความผิดพลาดเกิดขึ้น ผมภูมิใจในตัวพนักงานทั้งหมดของผม ไม่มีอะไรเปลี่ยนแปลงไปจากนี้ จบแบบงงๆ บิ๊กบอส AAV ยืดอกรับ “ผมผิดเอง” - นายธรรศพลฐ์ แบเลเว็ลด์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร สายการบินไทยแอร์เอเชีย เปิดเผยว่า เป็นความเข้าใจผิดระหว่างพนักงานกับผู้โดยสาร ซึ่งเป็นปัญหาปกติที่เกิดขึ้นทั่วไปของสายการบิน อย่างไรก็ตาม กรณีนี้พนักงานได้เข้าไปทำหน้าที่อำนวยความสะดวกให้ผู้โดยสารตามปกติ โดยสอบถามผู้โดยสารรายหนึ่งว่า ต้องการความช่วยเหลืออะไรหรือไม่ เพราะเห็นว่าเป็นผู้โดยสารพิเศษ แต่ทำให้แม่ของผู้โดยสารไม่พอใจ บอกว่าช่วยให้เกียรติลูกของตนด้วย ก่อนจะร้องเรียนมายังสายการบิน จึงได้เชิญทั้งผู้โดยสารและพนักงานมาปรับความเข้าใจ โดยพนักงานได้กราบขอโทษผู้โดยสาร 1 ครั้ง ยืนยันว่าผู้โดยสารไม่มีการถ่ายรูปตอนพนักงานก้มกราบแต่อย่างใด ทุกอย่างจบลงด้วยดี ขออย่าต่อยอดไปอีก - นอกจากนั้นในวันนี้ (9 ก.ย.) สายการบินแอร์เอเชีย เปิดเผยว่า นายโทนี่จะเดินทางไปหาดใหญ่ จ.สงขลา เพื่อพูดคุยถึงประเด็นต่างๆ กับครอบครัวของแอร์โอสเตสสาวเพื่อกราบขอโทษครอบครัวของพนักงานและแสดงความรับผิดชอบต่อเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น คนจบเรื่องไม่จบ! ชาวเน็ตต้าน AAV - โดยวันนี้ (9 ก.ย.59) ชาวโซเชียลที่ยังค้างคาใจปมดราม่า #แอร์กราบ ก็ได้ตั้งแคมเปญรณรงค์ผ่านเว็บไซต์ change.org ร่วมล่ารายชื่อ เรียกร้องให้มีการถอดถอนชื่อ "สายการบินแอร์เอเชีย" ออกจากรายชื่อบริษัทที่เข้าชิงรางวัลสายการบินราคาประหยัดที่ดีที่สุดในโลก (The World's Best Low-Cost Airlines) เนื่องจากแนวทางปฏิบัติของบริษัทสร้างความกังวลเรื่องความปลอดภัยและการปฏิบัติต่อพนักงานโดยละเมิดเสรีภาพพื้นฐาน โดยตั้งเป้าคนลงชื่อไว้ที่ 39,500 คน หรือคิดเป็น 100 เท่าของผู้รีวิวสายการบิน AirAsia ในเว็บไซต์ SKYTRAX ครอบครัวแอร์เคราะห์ร้ายยังไม่พร้อมเห็นหน้า 2 บิ๊ก AAV - ล่าสุด วันนี้ (9 ก.ย.) ทางแอร์เอเชีย เปิดเผยว่า นายธรรศพลฐ์ เเบเลเว็ลด์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร ไทยเเอร์เอเชีย เเละ นายโทนี่ เฟอร์นานเดส ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร กลุ่มสายการบินเเอร์เอเชีย ได้มีการยกเลิกกำหนดบินลงใต้ เพื่อไปพบครอบครัวของแอร์โฮสเตสที่ อ.หาดใหญ่ จ.สงขลา โดยระบุว่า ทางครอบครัวได้มีการแจ้งว่ายังไม่สะดวกให้พบในเวลานี้ ทั้งนี้ ดูเหมือนว่าเรื่องราวดังกล่าวจะไม่จบง่ายๆ ส่วนเรื่องราวจะเป็นอย่างไรคงต้องติดตามกันต่อไป