โบรก

ผู้สื่อข่าวรายงานว่าวันนี้ (11 มี.ค. 2565) ราคาหุ้นบริษัท ทาทา สตีล (ประเทศไทย) จำกัด (มหาชน) หรือ TSTH ณ เวลา 16:18 น. อยู่ที่ระดับ 1.56 บาท เพิ่มขึ้น 0.08 บาท หรือ 5.41% โดยทำจุดสูงสุดที่ 1.65 บาท และทำจุดต่ำสุดที่ 1.48 บาท ด้วยมูลค่าการซื้อขาย 408.51 ล้านบาท บริษัทหลักทรัพย์ เมย์แบงก์ (ประเทศไทย) จำกัด (มหาชน) ระบุในบทวิเคราะห์ (7 มี.ค. 2565) ว่า จากการสอบถามผู้ค้าเหล็กพบว่า ราคาเหล็กเส้น SD 40 ขนาด 16 ม.ม. หน้าโรงงานของ TSTH ในเดือน ก.พ. 2565 และ ต้นเดือน มี.ค. 2565 ปรับตัวสูงขึ้นเป็น 25,100 บาทต่อตัน เพิ่มจากราคาเดือน ม.ค. 2565 จำนวน 23,400 บาทต่อตัน สำหรับราคาเหล็กเส้น SD40 ขนาด 16ม.ม. อ้างอิงจากกระทรวงพาณิชย์ เดือน ก.พ. 2565 ปรับขึ้นเป็น 24,800 บาทต่อตัน จากเดือน ม.ค. 2565 จำนวน23,933 บาทต่อตัน ดังนั้นฝ่ายวิจัยคาดว่าช่วงที่เหลือเดือน มี.ค. 2565 มีแนวโน้มจะปรับขึ้นตามทิศทางราคาเหล็กในตลาดโลก ทั้งนี้ทางฝ่ายวิจัยประเมินราคาขายเฉลี่ยไตรมาส 4/2564/65 (ม.ค.-มี.ค. 2565) อยู่ที่ 25,500 บาทต่อตัน เพิ่มขึ้น 1% จากไตรมาสก่อนหน้า และเพิ่มขึ้น 31% เมื่อเทียบกับงวดเดียวกันของปีก่อน ส่วนต้นทุนราคาเศษเหล็กจากข้อมูลของสถาบันเหล็กไตรมาสปัจจุบันปรับขึ้นเป็น 17,425 บาทต่อตัน เพิ่มขึ้น 5% จากไตรมาสก่อนหน้า และเพิ่มขึ้น 34% เมื่อเทียบกับงวดเดียวกันของปีก่อน สำหรับปริมาณขายงวดเดือนม.ค.-มี.ค. 2564 ทางฝ่ายวิจัยคาด 340,000 ตัน เพิ่มขึ้น 6% จากไตรมาสก่อนหน้า และลดลง 7% เมื่อเทียบกับงวดเดียวกันของปีก่อน เพิ่มขึ้นจากไตรมาสก่อนเนื่องจากเป็นช่วงไฮซีซั่น รวมแล้วทางฝ่ายวิจัยคาดกำไรไตรมาส 4/2564/65 (ม.ค.-มี.ค.2565) จะอยู่ในเกณฑ์ดีต่อ 575 ล้านบาท ลดลง 2% จากไตรมาสก่อนหน้า แต่เพิ่มขึ้น 42% เมื่อเทียบกับงวดเดียวกันของปีก่อน นอกจากนี้ทางฝ่ายวิจัยมีการปรับประมาณการกำไรปี 2564/65 (เม.ย. 2564– มี.ค.2565) เพิ่ม 14% สู่ระดับ 2,931 ล้านบาท เติบโต 365% ทำสถิติสูงสุดใหม่ ส่วนแนวโน้มปี 2565/66 (เม.ย. 2565 – มี.ค. 2566) คาดปริมาณขาย 1.375 ล้านตัน เติบโตเล็กน้อย 3% ภายใต้สมมติฐานราคาเหล็กไม่ใช่ขาขึ้นเหมือนปี 2564/65 คือ ทรงตัวประมาณ 25,000-26,000 บาทต่อตัน และ ต้นทุนเศษเหล็กทรงตัวจากไตรมาสก่อน ซึ่งทางฝ่ายวิจัยประเมินกำไรเท่ากับ 976 ล้านบาท ลดลง 67% อย่างไรก็ตาม TSTH จะมีส่วนกำไรสะสมจากติดลบพลิกมาเป็นบวกสำหรับงบปี 2564/65 และได้เปลี่ยนนโยบายปันผลจากเดิมจ่ายไม่เกิน 40% ของกำไร เป็นจ่ายปันผลขึ้นกับผลการดำเนินงาน สมมติจ่ายปันผล 50% ของกำไรจะมีเงินปันผลจ่ายสำหรับกำไรปี 2564/65 เท่ากับ 0.17 บาท คิดเป็นอัตราเงินปันผลตอบแทน 11.9% ซึ่งเป็นการจ่ายปันผลครั้งแรกในรอบ 14 ปี จากประมาณการที่ปรับขึ้น ทั้งนี้ทางฝ่ายวิจัยเพิ่มราคาเป้าหมายเป็น 1.55 บาท ใกล้มูลค่าตามบัญชี จากเดิม 1.50 บาท เพิ่มเกรดเป็น “ถือ” จากเดิม “ขาย”