โป๊ปฟรานซิส

ตำรวจเมียนมายังคงใช้มาตรการที่รุนแรงจัดการกับกลุ่มผู้ชุมนุมต่อต้านการก่อรัฐประหาร จนทำให้มีผู้เสียชีวิตทั่วประเทศเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง ล่าสุดเพิ่มเป็น 18 รายวานนี้ (4 มี.ค.64) เท่ากับจำนวนผู้เสียชีวิตเมื่อวันอาทิตย์ที่ผ่านมา แม้ว่าหลายฝ่ายออกมาเรียกร้องให้เจ้าหน้าที่หลีกเลี่ยงการใช้ความรุนแรงต่อผู้ประท้วง ทั้งนี้ ผู้นำมวลชนของเมียนมากล่าวว่า ตำรวจได้สลายการชุมนุมด้วยการเดินเข้าหากลุ่มผู้ประท้วงพร้อมกับยิงแก๊สน้ำตา และขว้างระเบิดแสง รวมทั้งยิงด้วยกระสุนจริง โดยไม่มีการฉีดน้ำแรงดันสูง และไม่มีการเตือนให้เลิกชุมนุม ทำให้ขณะนี้ มีผู้เสียชีวิตจากการชุมนุมประท้วงต่อต้านการทำรัฐประหารในเมียนมามากกว่า 30 ราย นับตั้งแต่กองทัพเข้ายึดอำนาจเมื่อวันที่ 1 ก.พ. อย่างไรก็ตาม ก่อนหน้านี้สมเด็จพระสันตะปาปาฟรานซิส ประมุขแห่งคริสตจักรโรมันคาทอลิก ที่เคยเสด็จเยือนเมียนมาในปี 2560 ทรงมีพระราชดำรัสเรียกร้องให้กองทัพเมียนมายุติการใช้ความรุนแรงต่อประชาชน และให้มีการปล่อยตัวนักโทษการเมือง รวมถึงเรียกร้องให้มีการเจรจาในเมียนมาเพื่อยุติความขัดแย้งที่เกิดขึ้น พร้อมกับตรัสว่า เยาวชนในเมียนมาไม่ควรจะเผชิญกับอนาคตที่มีแต่ความเกลียดชัง แต่ควรมีการสมานฉันท์" ขณะที่ทางด้านรัฐมนตรีต่างประเทศของสมาคมประชาชาติเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ (อาเซียน) ได้จัดการประชุมวานนี้ โดยที่ประชุมได้เรียกร้องให้ยุติความรุนแรงในเมียนมา และจัดการเจรจาเพื่อแก้ไขวิกฤตการทางการเมือง โดยรัฐมนตรีต่างประเทศของสมาคมประชาชาติเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ (อาเซียน) ได้เรียกร้องให้ลดความรุนแรงของสถานการณ์ประท้วงในเมียนมา และขอให้มีการเจรจาเพื่อหาทางออกอย่างสันติในการแก้ปัญหาวิกฤตการเมืองหลังการก่อรัฐประหาร พร้อมทั้งแนะนำให้อาเซียนมีบทบาทมากขึ้น แถลงการณ์ของกลุ่มอาเซียนที่ออกมาหลังการประชุมออนไลน์เมื่อวานนี้ระบุว่า กลุ่มรัฐมนตรีแสดงความกังวลเกี่ยวกับสถานการณ์ในเมียนมาและเรียกร้องให้ทุกฝ่ายละเว้นจากการยั่วยุให้เกิดความรุนแรงมากขึ้น และขอให้ทุกฝ่ายใช้ความอดกลั้นให้ถึงที่สุด รวมไปถึงใช้ความยืดหยุ่นอย่างเต็มที่ นอกจากนี้ แถลงการณ์ยังเรียกร้องให้ทุกฝ่ายที่เกี่ยวข้องหาทางออกอย่างสันติผ่านทางการเจรจาที่สร้างสรรค์ และประนีประนอมกันเพื่อผลประโยชน์ของประชาชนด้วย “เราขอแสดงความพร้อมของอาเซียนที่จะช่วยเหลือเมียนมาในทางบวก อย่างสันติ และสร้างสรรค์” แถลงการณ์ระบุ สำหรับรัฐมนตรีต่างประเทศของกลุ่มอาเซียนทั้ง 10 ประเทศได้เข้าร่วมในการประชุม ประกอบด้วยบรูไน กัมพูชา อินโดนีเซีย ลาว เมียนมา มาเลเซีย ฟิลิปปินส์ สิงคโปร์ ไทย และเวียดนาม รวมถึงนายวันนะ หม่อง ลวิน รัฐมนตรีต่างประเทศที่ได้รับการแต่งตั้งจากกองทัพเมียนมาด้วย