โรงงานแห่งที่ 3

บริษัท นอร์ทอีส รับเบอร์ จำกัด (มหาชน) หรือ NER รายงานผลการดำเนินงานปี 2567 มีรายได้รวม 27,496.16 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 9.69% เมื่อเทียบกับงวดเดียวของปีก่อนมีรายได้รวม 25,065.71 ล้านบาท โดยรายได้จากการขายที่เพิ่มขึ้นเกิดจากราคายางที่ปรับตัวสูงขึ้น ส่งผลให้กำไรสุทธิอยู่ที่ 1,652.47 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 6.91% เมื่อเทียบกับงวดเดียวของปีก่อนมีกำไรสุทธิที่ 1,545.60 ล้านบาท นอกจากนี้ NER ยังมีค่า P/E ที่ 5.52 เท่า ซึ่งสะท้อนถึงราคาหุ้นที่ไม่แพงเกินไป พร้อมทั้งมีค่า P/BV ที่ 1.08 เท่า และอัตราผลตอบแทนจากเงินปันผลมากถึง 7.29% ซึ่งบ่งชี้ถึงความสามารถในการจ่ายปันผลอย่างต่อเนื่องและมั่นคงในระยะยาว ขณะเดียวกันหากพิจารณาผลการดำเนินงานย้อนหลัง ตั้งแต่ปี 2563 ถึง 2567 พบว่า NER มีกำไรสุทธิที่เติบโตอย่างต่อเนื่อง โดยในปี 2563 มีกำไรสุทธิ 858.68 ล้านบาท ต่อมาในปี 2564 มีกำไรสุทธิ 1,850.19 ล้านบาท ขณะที่ในปี 2565 มีกำไรสุทธิ 1,748.00 ล้านบาท ส่วนในปี 2566 มีกำไรสุทธิ 1,645.60 ล้านบาท และในปี 2567 มีกำไรสุทธิ 1,652.47 ล้านบาท ด้านบล.เอเอสแอล คาดการณ์ว่า NER มีแนวโน้มการเติบโตที่ดีในปี 2568 โดยตั้งเป้าปริมาณการขายที่ 5 แสนตัน เพิ่มขึ้น 13.8% จากปีก่อน คาดว่าแนวโน้มราคายางจะยังคงทรงตัวในระดับสูง เนื่องจากปัจจัยจากการเพิ่มขึ้นของน้ำฝนในประเทศและการลดลงของต้นยางในอินโดนีเซีย แม้ว่าจะมีการชดเชยจากการส่งออกยางจากโกตดิวัวร์บ้าง แต่คาดว่ายังคงไม่เพียงพอที่จะชดเชยได้ทั้งหมด นอกจากนี้ บริษัทมีแผนการสร้างโรงงานแห่งที่ 3 ที่มีความสามารถในการผลิต 3.2 แสนตัน คาดว่าจะเริ่มก่อสร้างในกลางปีนี้ โดยเฟสแรกจะเริ่มผลิตในกลางปีหน้า ด้วยกำลังการผลิต 1.6 แสนตัน และใช้งบลงทุนประมาณ 2 พันล้านบาท ซึ่งเงินทุนส่วนหนึ่งจะมาจากกำไรสะสมและการกู้เงิน ในส่วนของประมาณการรายได้ปี 2568 คาดว่าจะมีรายได้รวม 31,700 ล้านบาท ซึ่งคิดเป็นการเติบโต 15.60% จากการขาย 5 แสนตันและราคาขายเฉลี่ย 63.40 บาท/กิโลกรัม สูงกว่าปีก่อนที่ 62.50 บาท/กิโลกรัม โดยคาดกำไรสุทธิปี 2568 จะอยู่ที่ 1,920 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 11.8% เมื่อเทียบกับงวดเดียวของปีก่อน ดังนั้น ยังคงราคาเหมาะสมของ NER ที่ 6.00 บาท แนะนำ "ซื้อ"