โรงพยาบาลเกษมราษฏร์

ผู้สื่อข่าวรายงานวันนี้ (2 ธ.ค.67) ว่า จากกรณี สำนักงานคณะกรรมการกำกับหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ (ก.ล.ต.) เปิดเผยข้อมูลรายชื่อผู้ที่ได้รับการจัดสรรหุ้นในจำนวนสูงสุด 20 อันดับแรกของ บริษัท สเปเชี่ยลตี้ เนเชอรัล โปรดักส์ จำกัด (มหาชน) หรือ SNPS พบชื่อ บริษัท บางกอก เชน แมเนจเมนท์ จำกัด (BCM) บริษัทย่อยในเครือของ บริษัท บางกอก เชน ฮอสปิทอล จำกัด (มหาชน) หรือ BCH กลุ่มโรงพยาบาลเกษมราษฏร์ เข้าซื้อหุ้นไอพีโอจำนวน 12 ล้านหุ้น คิดเป็น 11.43% หรือนับเป็นอันดับหนึ่งของผู้ที่ได้รับการจัดสรรหุ้นในจำนวนสูงสุด 20 อันดับแรก ด้าน ดร.ธีรญา กฤษฎาพงษ์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร SNPS เปิดเผยกับ “ข่าวหุ้นธุรกิจออนไลน์” ว่า ปัจจัยที่ทาง BCM เข้ามาลงทุนในบริษัท คาดการณ์ว่าเล็งเห็นถึงศักยภาพในการเติบโต รวมถึงบริษัทเป็นธุรกิจที่ประกอบกิจการตามหลักการ ESG โดยไม่หวังผลกำไรเพียงอย่างเดียว โดยก่อนหน้านี้ BCM ให้ความสนใจหุ้น SNPS ตั้งแต่การเปิดจองซื้อหุ้นไอพีโอ เนื่องจากบริษัทเป็นผู้นำในการสกัดสารสกัดสมุนไพรมาตรฐานที่ดำเนินธุรกิจมานานกว่า 25 ปี ให้บริการด้านสมุนไพรอย่างครบวงจร และมุ่งเน้นด้านการวิจัยและพัฒนามาอย่างต่อเนื่อง อีกทั้งบริษัทยังมีฐานะทางการเงินที่แข็งแกร่ง งวดไตรมาส 3/67 มีกำไรสุทธิ 23.58 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 1,554.95% เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อนมีกำไร 1.43 ล้านบาท ขณะที่งวด 9 เดือนแรกมีกำไร 56.29 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 82% เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อนมีกำไร 30.87 ล้านบาท ซึ่งมากกว่าทั้งปี 66 แล้ว ดังนั้นจึงมีโอกาสเห็นการเติบโตอย่างโดดเด่นในงบปี 67 อนึ่ง BCM เป็นบริษัทย่อยในเครือของกลุ่มโรงพยาบาลเกษมราษฎร์ ดำเนิน 3 ธุรกิจหลักๆ ได้แก่ บริการห้องปฏิบัติการทางการแพทย์ ที่ช่วยลดต้นทุนการส่งตรวจแลปภายนอกของโรงพยาบาล ยังช่วยเสริมสร้างรายได้ให้แก่โรงพยาบาลเพิ่มเติมจากการรับตรวจแลปจากภายนอกโรงพยาบาล พร้อมกับมีใบอนุญาตในการนำเข้า ยา เวชภัณฑ์ และเครื่องมือทางการ รวมถึงเครื่องดื่มเพื่อสุขภาพที่ปัจจุบันได้เริ่มวางจำหน่ายแล้วตามโรงพยาบาลต่างๆ ในเครือ รวมไปห้างสรรพสินค้าต่างๆ อย่างไรก็ดี นอกจาก BCM แล้ว ยังพบชื่อ บริษัท คาร์มาร์ท จำกัด (มหาชน) หรือ KAMART ประกอบธุรกิจนำเข้า และจัดจำหน่ายสินค้ากลุ่มผลิตภัณฑ์เครื่องสำอางเข้าจองซื้อหุ้นไอพีโอจำนวน 3 ล้านหุ้น หรือคิดเป็น 2.86% ของการเสนอขายทั้งหมด และจัดอยู่ในอันดับ 2 ของ 20 อันดับแรก ด้านบริษัทหลักทรัพย์ หยวนต้า (ประเทศไทย) จํากัด คาดการณ์ว่า กำไรปกติในปี 67 อยู่ที่ 71 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 93.5% หนุนจากการเติบโตทั้งจากลูกค้ารายเดิมและรายใหม่ รวมถึงมีการเร่งออกสารสกัดชนิดใหม่ภายใต้แบรนด์ของตนเองมากขึ้น อาทิ สารสกัดกระชายดำบริสุทธิ์ B-Gold และโปรตีนจากพื้น นอกจากนี้คาดการณ์กำไรจะสามารถเติบโตเป็น 133 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 58.5% จากการจำหน่ายสารสกัดแก่ผู้ประกอบการในอุตสาหกรรมยา เครื่องดื่มและอาหารสัตว์อีกด้วย โดยอิง PER ที่ 23.5 เท่าใกล้เคียงกับกลุ่มบริษัทที่ทำธุรกิจใกล้เคียงกัน ทำให้ได้ราคาเหมาะสม ณ สิ้นปี 68 ที่ 6.60 บาท/หุ้น