โรงแรมหรูกลางกรุง

ผู้สื่อข่าวรายงาน (16 ก.ค.67) ว่าเกิดเหตุจากกรณีที่มีรายงานว่า เมื่อเวลาประมาณ 19:30 น. เกิดเหตุมีผู้เสียชีวิต 6 คนนั้น เป็นชาวเวียดนาม และชาวอเมริกัน ณ โรงแรมหรูกลางกรุงย่านราชประสงค์ โดยไม่มีร่องรอยการต่อสู้ แต่มีการสั่งอาหารมาแต่ยังไม่ได้รับประทาน มีการดื่มเครื่องดื่มไปแล้ว ซึ่งการเสียชีวิตครั้งนี้เกิดจากการใช้สารพิษไม่ใช่อาวุธ ปืนหรืออาวุธมีดแต่อย่างใด ขณะที่มีรายงานข่าวว่าในวันพรุ่งนี้ รัฐมนตรีพลังงานของรัสเซีย จะเข้ามาประชุมที่โรงแรมไฮแอท เอราวัณ ล่าสุด พล.ต.ต.ธีรเดช ธรรมสุธีร์ ผู้บังคับการสืบสวนสอบสวน กองบัญชาการตำรวจนครบาล เปิดเผยว่า ผู้เสียชีวิตเป็นเพศชาย 3 ราย เพศหญิง 3 ราย เป็นชาวต่างชาติทั้งหมด ตรวจสอบสัญชาติพบว่าทั้งหมดเป็นชาวเวียดนาม ในจำนวนนี้ 2 รายถือสัญชาติอเมริกันด้วย โดยรายชื่อผู้เสียชีวิตทั้งหมด ดังนี้ 1.Ms. SHERINE CHONG สัญชาติอเมริกัน อายุ 56 ปี เดินทางเข้าประเทศไทย เมื่อวันที่ 5 กรกฎาคม เข้า-ออกไทย 5 ครั้ง 2.Mr. HUNG DANG VAN สัญชาติอเมริกัน อายุ 55 ปี เข้าไทยวันที่ 7 กรกฎาคม เดินทางเข้าประเทศไทย 1 ครั้ง 3.Ms. THI NGUYEN PHUONG LAN สัญชาติเวียดนาม อายุ 47 ปี เดินทางเข้าประเทศไทย วันที่ 4 กรกฎาคม เข้าออกประเทศไทย 17 ครั้ง 4.Mr. HONG PHAM THANH สัญชาติเวียดนาม อายุ 49 ปี เดินทางเข้าไทย วันที่ 12 กรกฎาคม เข้าออกไทย 1 ครั้ง 5.Mr. DINH TRAN PHU สัญชาติเวียดนาม อายุ 37 ปี เดินทางเข้าไทยวันที่ 12 กรกฎาคม เข้า-ออกไทย 11 ครั้ง 6.Ms. THI NGUYEN PHUONG สัญชาติเวียดนาม อายุ 46 ปี เดินทางเข้าไทย 12 ครั้ง เดินทางเข้าไทย 3 ครั้ง อย่างไรก็ตามจากการตรวจที่เกิดเหตุเบื้องต้นคาดว่าโดนวางยาพิษ และมีร่องรอยการดื่มเครื่องดื่มประเภทชา กาแฟ เบื้องต้นยังไม่ฟันธงสาเหตุการเสียชีวิต แต่คาดว่าน่าจะเป็นการวางยาพิษ ส่วนจะเป็นการสังหารจากเหตุผลการหักหลังทางธุรกิจ ล้างแค้น หรืออาจเป็นลัทธิประหลาดอะไรหรือไม่ ทางตำรวจยังไม่สรุป แต่ตั้งประเด็นสืบสวนสอบสวนเอาไว้หลายประเด็น พล.ต.ท.ธิติ แสงสว่าง ผู้บัญชาการตำรวจนครบาล ให้ข้อมูลเพิ่มเติมว่า จากการตรวจที่เกิดเหตุไม่มีร่องรอยการต่อสู้ พบศพรวมตัวเสียชีวิตในห้องเดียวกัน โดยห้องพักห้องนี้เปิดเอาไว้ และต้องเช็กเอาต์ออกวันนี้ (16 ก.ค.) มีการแพคกระเป๋าเรียบร้อยแล้ว ขณะนี้เจ้าหน้าที่กองพิสูจน์หลักฐานกำลังชันสูตรพลิกศพอย่างละเอียด และตรวจหลักฐานทุกอย่างที่เกี่ยวข้อง ที่อยู่ระหว่างตรวจพิสูจน์เก็บหลักฐานในที่เกิดเหตุ